ยกเลิกแปลนงานวันนี้
ยกเลิกแปลนงานวันนี้
ก่อนนอนเมื่อคืน ได้วางแผนงานที่จะทำวันนี้ ไว้หลายเรื่อง เรื่องแรกไปจัดการเรื่องที่ตัดต้นไม้ค้างไว้ให้เสร็จ เหตุที่ไม่เสร็จเมื่อวานมันไม่มีอะไรมาก มันเป็นเรื่องเล็กๆๆ น้อยๆๆ จริงๆๆๆ นั้นคือตัวมด มันทำรังอยู่บนใต้ไม้ เมื่อต้นไม้ล้มเพราะเราไปตัด มดพวกนี้ มันวิ่งออกจากรัง เมื่อออกจากรังมันย่อมป้องกันรังของมัน จำนวนของมัน แน่นอนย่อมต้องมาก ออกมาเต็มไปหมด จัดการไม่หวาดไม่ไหว
การรวมตัวกัน ย่อมจะสร้างให้พลัง แม้ว่ามันจะเป็นตัวเล็กๆๆ แต่พอมีจำนวนมาก สู้ไม่ไหวเหมือนกัน หากรีบจะดันทุรังทำต่อไปก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่มันไม่รีบ ไม่รู้จะรีบไปทำไปเสี่ยงกับเรื่องที่จะตามมาอีกหลายเรื่อง สู้ไปทำงานอย่างอื่นก่อน เมื่อมันอพยพไปที่อื่นหรือต้นอื่น แล้วค่อยมาจัดการต้นไม้ต่อ ไม่ได้เสียหายอะไร สวนเอง ทำเอง ไม่ได้เป็นงานที่รับจ้างเขาหรือต้องรีบทำให้เสร็จ แต่อย่างได
ทำงานอย่างมีความสุขกับมัน ได้ออกเหงื่อ ออกกำลังกาย ได้บรรยากาศ นั่งวาดฝันวางแปลนเป็นพื้นที่พักผ่อนภายในสวน ดีกว่าทำงานแล้วกดดันตัวเอง ให้งานเสร็จอย่างเดียวจนร่างกายเราล้า เมื่อล้ามากๆๆ มันจะทำให้เราเบื่อ เมื่อเบื่อมากๆๆ สมองจะบอกทันที ว่าอย่าไปทำ เมื่อไม่ได้ไปทำบ่อยๆๆ สิ่งที่ตามมาอีกคือความขี้เกียจ เมื่อความขี้เกียจมาเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ตามมาติดๆๆ ไม่ห่างคือชิวิตเราจะเริ่มติดสบาย พอเริ่มติดสบายแล้ว สมองเราจะชอบ เมื่อชอบแล้วหากปล่อยให้ชีวิตดำเนินแบบนั้นต่อไป ปัญหาที่จะตามมามันมีหลายเรื่อง หลายราว จนกลายเป็นนิสัย หลังจากนั้น พอจะทำอะไรสักนิดสักหน่อย มักจะหาข้ออ้างตลอดเพื่อที่จะไม่ต้องทำ คำพูดที่ชัดเจนและสภาพมากที่สุดในกรณีที่เราขี้เกียจทำนั้นคือ
“ทำไม่เป็น” เป็นคำพูดที่ง่าย ดูแล้วไม่น่าเกลียด แต่หากพูดว่าคำว่า “ขี้เกียจ” มันดูน่าเกลียดเกินไป
นั้นคือเหตุผลที่พยายามหากิจกรรมเพื่อจะทำทุกวัน แม้ว่าตอนนี้จะมีมากแล้วก็ได้
ขอวกมาเรื่องความคิดนิด เกี่ยวเนื่องกับการเข้าไปทำงานในสวนแล้วได้พูดคุยกับคนบริเวณในสวน เกี่ยวกับความคิดและมุมมองที่เขาชวนคุย แค่เล่าสู่กันฟังไม่ได้คิดว่าใครผิดหรือใครถูก
คนเราความคิดมันไม่เหมือนกันจริงๆๆ เลย กำลังวิเคราะห์ว่าทำไม แนวคิดของคนมันถึงแตกต่างกัน มันน่าจะเกิดจากสภาวะแวดล้อมด้วย จากที่เห็นทุกวันว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ในรูปแบบที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นแบบนั้น ความคิดเลยไม่เคยคิดออกนอกเส้นทางของสิ่งที่เราคิดประจำ หรือเคยถูกฝังมาในหัวผ่านทางช่องทางต่างๆๆ ยิ่งตอนนี้ แล้ว ช่องทางในการฝังหัวต่างๆๆ มีมากมายมหาศาล ข้อมูลเข้าสู่หัวสมองเราตลอดเวลา หากใครอ่านบทความนี้ อ่านเสร็จแล้วเอาง่ายๆๆ ที่สุด ลองเข้า youtube หรือไม่ Facebook ดู จะเห็นชัดที่สุด ว่ามีข้อมูลต่างๆๆ ที่พยายามชี้นำความคิดของเรา
เหตุผลที่กล้ากล่าวแบบนั้น เพราะว่า ข้อมูลข่าวสารชนิดเดียวกัน แต่บางทีเนื้อหาแตกต่างกัน มาก หากเป็นแบบสมัยก่อนเขาเรียกว่าเป็นการหาพวกเพื่อให้เป็นของตนเอง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะรายได้ที่ได้รับจาก youtube ด้วย เลยมีหลายคนพยายามที่จะสร้างเนื้อหาเพื่อให้มันดูโดดเด่น และให้คนติดตามมากที่สุด
ว่ากันเรื่องแนวความคิดต่อ ว่าทำไมคนเราคิดไม่เหมือนกันมันน่าจะเกิดจากอะไร ในส่วนที่ยืนยันประเด็นนี้ได้ดีที่สุดคือการสร้างบ้าน สังเกตุดูชุมชนไหนสร้างบ้านแบบไหนอย่างไร บ้านเรือนมักจะมีลักษณะคล้ายกัน ในส่วนนี้ ได้แยกแยะวิเคราะห์แล้วว่า การสร้างไม่ได้สร้างเพราะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย เช่น พื้นที่น้ำท่วมบ่อย เลยต้องยกบ้านสูง หรือเป็นพื้นที่สูงเลยยกบ้านไม่สูง มันไม่ได้เกี่ยวกันกับตรงนั้น แต่นี่มันเกี่ยวกับความคิด
พอเห็นคนอื่นสร้างแบบนั้น สร้างตามด้วย ลักษณะบ้านเลยไปในทิศทางเดียวกัน และอีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากช่างที่สร้างบ้านด้วย ช่างที่สร้างบ้านในบริเวณชุมชนนั้น อาจจะถนัดสร้างแบบนั้น เลยเสนอไอเดียให้เจ้าของบ้านเป็นแนวทาง เจ้าของบ้านเลยตัดสินใจสร้างตามแบบสถาปนึกของช่างที่รับงานมาสร้างบ้าน
พูดถึงแนวคิด จากที่ได้เขียนมาแล้ว มันเป็นความคิดส่วนตัว และเมื่อวานซืน มันก็สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดดังกล่าวของคนในพื้นที่ แต่ในส่วนที่เป็นแนวคิดนั้นมันมีบางส่วนของเขาเช่นกันที่เป็นส่วนดีที่เขาเสนอมากให้
เริ่มจากพูดคุยกันในเรื่องพื้นที่ว่างเปล่าที่เจตนาและตั้งใจจะเว้นไว้
ในมุมมองของเขา เขามองว่าปล่อยให้เป็นที่ว่างไว้ทำไม ทำไมไม่ลงผลไม้ เช่นพวกทุเรียน หรือสิ่งของอย่างอื่นที่กินได้ แทนที่จะปล่อยให้โล่งไว้แบบนั้น
นั้นคือแนวคิดของเขา ยอมรับว่าเป็นแนวคิดที่ถูกต้องเช่นกัน มันเป็นการจัดสรรพื้นที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในคือในมุมมองของเขา และลองสังเกตุดูส่วนของคนอื่นส่วนมาจะเป็นแบบนั้นหมด คือมีสวนอย่างเดียว เช่นสวนยางจะเป็นยางทั้งหมด ส่วนเงาะจะเป็นเงาะทั้งหมด
แต่มุมมองของตัวเอง ที่เพิ่งมาเป็นชาวสวนได้ไม่นาน แต่ทำมาตลอดไม่ได้จริงจัง ในงานสวน กลับคิดว่า งานในสวนคืองานสร้างรายได้ ในขณะเดียวกันหากเราคิดว่าเรามีรายได้พอที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแล้ว ทำไมเราไม่สร้างพื้นที่สวนของเราส่วนหนึ่งหรืออาจจะเป็นมุมหรือสองมุมหรือสามมุม ไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนในขณะไปทำสวน เพื่อทำในส่วนที่เราทำแล้วมันทำให้เราพักผ่อนได้ด้วย
กับกันพื้นที่ไว้สำหรับสร้างสิ่งที่อนาคต 10 ปี หรือ 20 ปี เมื่อกาลเวลาผ่านไปมันจะสร้างคุณค่าให้กับตัวมันเองโดยเราแทบไม่ต้องไปใส่ปุ่ย พรวนดิน แค่สร้างพื้นที่ให้มันโตขึ้นมาแค่นั้นเอง รวมทั้งแทนที่เราจะไปทำงานสวนแล้วออกกำลังกาย อย่างเดียวเพื่อทำอย่างไร ให้มีผลผลิตออกมามาก มาเพิ่มอีกส่วนหนึ่งคือความคิด
ความคิดในการทำงานสวนในส่วนนี้ คือความคิดวางแผนว่า มุมที่เรากำหนดให้เป็นมุมพักผ่อน เราจะออกแบบอย่างไร ในอนาคตเมื่อต้นไม้โต มันจะมีปัญหาไปกระทบกับส่วนอื่นไหม ทำอย่างไรมันถึงจะออกมาสวยงาม นั้นคือการใช้ความคิด
เมื่อมีการพูดคุยกันกับคนแถวนั้น หลังจากที่คำแนะนำด้วยความหวังดีว่า น่าจะหาอะไรมาลงในพื้นที่ว่าง เลยบอกเขาไปว่า เจตนาและตั้งใจให้เป็นพื้นที่ว่าง แต่รอบๆๆ พื้นที่ดังกล่าวได้ปลูกต้นหลุมพอไว้หมดแล้ว เขางง เลยอธิบายเขาต่อว่า หากสวนเราเต็มไปหมด เวลามาสวนสิ่งหนึ่งที่เราสำผัสได้คือ ความรู้สึกอัดแน่นในจิตใจเต็มไปหมด โดยเฉพาะหากมาในช่วงหน้าฝน หรือมาในช่วงกลางคืน
เขาทำหน้างง ไม่เข้าใจ เลยอธิบายต่อไปว่า หากเรามาสวน แล้วมีพื้นที่ว่างโล่ง นั้นหมายความว่า สิ่งแรกที่เราสำผัสหรือความโล่ง ความสบาย ความว่างเปล่า แม้ว่าพื้นที่จะไม่มีมากก็ตาม
เขายังงง เหมือนเดิม หลังจากนั้นไม่ได้อธิบายต่อ แต่บอกเขาว่า ให้ลองหาคลิป ที่คนเมืองเขาไปชอบไปเที่ยวกัน มีบริการท่องเที่ยวโดยการทำรถไฟขนาดเล็ก แล้วพาชมทุ่งนาที่มีความโล่ง เขียวขจี ที่มองแล้วสบายตาสบายใจ นั้นคือสิ่งที่มนุษย์เราต้องการ เพื่อผ่อนคลาย โดยเฉพาะคนในเมือง
กับบอกเขาเพิ่มเติมว่าในอนาคต เมื่อสวนยาง ไม่สามารถมีผลผลิตได้แล้ว แปลนสวนที่วางไว้ รวมทั้งการปลูกต้นไม้เป็นอุโมง วางเส้นทางต่างๆๆ ไว้ เราสามารถปรับพื้นที่เป็นอย่างอื่นได้ทันที ตอนนี้ ต้นไม้ที่ปลูกไว้ แม้มันจะไม่ค่อยโตเพราะต้นยางมันงำไว้ แต่วันไหน ไม่มีต้นยางมันจะโตอย่างรวดเร็ว พื้นที่เราวางแปลนไว้ เราสามารถทำเป็นอย่างอื่นได้ทันทีเช่นกัน
พูดเสร็จ เขาขอตัวกลับบ้าน สันนิฐานได้สองอย่างที่เขาขอตัวกลับ คือเขาไม่เข้าใจ กับเขาไม่เห็นด้วย แต่ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
นั้นคือแนวคิดที่บางทีไม่เหมือนกัน แต่มันมีประโยชน์ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแต่ละคน ไม่มีอะไรผิดหรือถูก แล้วแต่ว่าใครทำแบบไหน แล้วเขามีความสุข นั้นน่าจะเป็นบรรทัดฐานในการวางได้ ไม่ใช่วางบรรทัดฐานโดยเอาความคิดของตนเองเป็นหลักว่า หากคนอื่นคิดต่างกับเราแล้วความคิดของเขาผิด มันไม่ใช่ บางทีเราเองนั้นแหละคิดผิด
ว่าจะพูดเรื่องการทำงานผิดแปลนหมด ออกไปหลายเรื่องหลายราว ก่อนจะจบบทความ ขอเฉลยว่าทำไม วันนี้ผิดแผน หรือผิดแปลนที่วางไว้หมด
สิ่งนั้นคือ ฝนตก…ตั้งแต่เช้า ทั้งที่ไม่น่าจะตกหลังจากที่แล้งมาให้ 2 วัน ธรรมชาติเราบังคับมันไม่ได้ต้องใช้วิธีการปรับตัวเข้าหามัน ดังนั้น เมื่อฝนตก ทำกิจกรรมอย่างอื่นไม่ได้ ทำอย่างอื่นแทน นั้นคือการเขียน Blog นี้
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร