กรุงไทย
กรุงไทย
วันนี้ มีโอกาสได้เดินทางไปทำธุรกรรมการเงินกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารที่ค่อนข้างจะใช้บริการบ่อยกว่าธนาคารอื่น เพราะมันเป็นช่องทางที่ได้รับรายรับตลอดมา มันเลยเกิดความเคยชิน ไม่ต้องศึกษาอะไรเพิ่มเติมอีกเมื่อเข้าบริการ หรือทำอะไรเกี่ยวกับธนาคาร
เคยอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง เขาเคยบอกว่า นิสัยของคนเราจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงอะไรจากความเคยชินที่ทำ เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อมือถือยี่ห้อไหนอยู่แล้ว มักจะไม่ค่อยเปลี่ยนยี่ห้อ เพราะเคยชินกับเมนูต่างๆๆ ของมือถือ ไม่ต้องศึกษาเพิ่มเติมอีก
กรุงไทย วันนี้ ดูเงียบเหงา คนไม่มาก แต่ รอนานกว่าเมื่อก่อนมาก และสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อ มีพื้นที่ว่าง อยู่มุมหนึ่ง ไม่แต่โต็ะ วางตัวเดียว สภาพไม่น่าจะเป็นบรรยากาศของธนาคาร เหมือนร้านค้าที่ขายของไม่ได้ แล้วทิ้งไว้ แค่คิดสงสัยว่า ทำไมเป็นแบบนั้น เพราะธนาคารส่วนมากที่เจอ จะมีการจัดรูปแบบอย่างดี และไม่มีที่ว่างหรือรก อันแสดงให้เห็นว่า ไม่หรู
เคยถามเพื่อนที่เป็นผู้จัดการธนาคาร สงสัยว่า ทำไม ห้างใหญ่ๆๆ ถึงมีธนาคาร ทั้งที่มีคนบริการไม่มาก เพื่อนบอกว่า จำเป็นต้องมี มันแสดงให้เห็นว่า ธนาคารมีศักยภาพ คือพูดง่ายๆๆ มันสร้างภาพให้ดูดี สำหรับภาพลักษณ์ของธนาคาร
หลังจากนั่งรอ รอ รอ… ชั่วโมงกว่า ทั้งที่มีคิวแค่ 10 กว่าคน ไม่ได้หงุดหงิดใจอะไรเลย ดีเสียอีกได้มานั่งห้องแอร์เย็นๆๆ พักผ่อน รีเล็กซ์ มองคน มีหลายกลุ่มคนหลายประเภท แต่คนที่ค่อนข้างจะวางมาด คุยเสียดัง ส่วนมากเป็นที่แต่งตัว นุ่งกางเกงขาสั้น และดูท่าทางแต่งตัวตามสบาย บางทีเหมือนไม่เคารพสถานที่ แต่ พนักงานให้ความสนใจ ดูแล้วจะรู้จักพนักงานดีทุกคน ใช่ครับ กลุ่มนั้นส่วนมากเป็นคนที่เขาบอกว่ามีเงินในตลาด แต่ส่วนมากมักจะมาก่อนธนาคารปิด และต้องรีบมาจัดการทุกวัน เอาเป็นว่า รู้กันอยู่ว่าทำไม เพราะเพื่อนมันเคยพูดว่า อย่าให้กูพูดเลย ว่าใครเป็นอย่างไร เครดีต เป็นอย่างไร กูเป็นผู้จัดการ กูพูดไม่ได้
ส่วนพนักงาน ดูเหมือนว่า ทำงานแบบหมดกำลังใจอย่างไร ไม่รู้ หน้าเคาเตอร์มีนั่งแค่ 2 คน กว่าจะเรียกได้แต่ละคนเลยนาน
บางทีเห็นแล้วรู้สึกสงสาร อย่างไรบอกไม่ถูก แต่งตัวดี ทำงานห้องแอร์ แต่เคยฟังจากเพื่อนแล้วภาพที่เห็นมันแตกต่างกันมาก ต้องรับสภาพเจอคน แต่ละอย่าง แต่ละประเภทในทุกๆๆ วัน และที่สำคัญ คนหนึ่งหน้าเคาเตอร์ เมื่อก่อนสำคัญ ตอนนี้ ดูท่า App จะมาแย่งงานเสียแล้ว เพราะธนาคารสามารถลดรายจ่ายตรงนั้นได้มาก หากให้คนที่บริการ ดำเนินด้านธุรกรรมผ่านมือถือได้หมด
บางที คนเรามองที่การแต่งตัวไม่ได้จริงๆๆ
เสร็จจากธนาคาร นานๆๆ ได้เข้าเมืองที เลยจะหาอะไรกินหน่อย จะไปหาขนมครกกินไม่มีที่จอดรถ เลยต้องมาพึ่งที่จอดรถได้สะดวก คือเซเว่น แต่ซื้อไม่มาก นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยออกจากบ้าน เพราะถ้าออกจากบ้านหมายถึงมีค่าใช้จ่ายทันที
แรกเลยค่าน้ำมันรถ อย่างที่สอง เห็นอะไรเนือยไปหมด
แต่ดีอย่าง ตอนเย็นวันนี้ฝนไม่ตก
เช้าฝนตกหนัก
ตื่น 5.30 ฝนตกหนัก ฝนตกอย่างเดียวไม่เท่าไร แต่ก่อนตก ลมพัดอย่างแรง รู้สึกว่า ตอนหลังๆๆ มา สภาพอากาศมีความเปลี่ยนแปลงสูงมาก อย่างแรกฝนตกตลอดปี เดือนเมษา หน้าร้อนฝนก็ตก แถมบางที่มีน้ำท่วม ขณะฝนตกหรือก่อนฝนจะตก ลมจะพัดแรงมาก หากเป็นเดือนอื่น เช่น เมษา อาจจะกล่าวอ้างได้ว่า มันเป็นมรสุมหน้าร้อน เลยมีลมกรรโชก พร้อมฝน
แต่นี้ มันเดือน เจ็ด ย่างเข้าเดือนแปด แล้วมันเข้าหน้าฝนปกติ (ที่รู้ว่าเป็น เดือน 8 เห็นแว็บๆๆ มีการแห่เทียนพรรษากัน กับอีก สองสามวันจะเข้าพรรษา)
นึกตอนบวช เข้าพรรษา สิ่งที่ได้รู้ชัดคือ รู้ว่า ลมเปลี่ยนทิศ ปกติพัดจากทิศตะวันออก แต่ พอฝนเริ่มตก มันพัดมาจากทิศตะวันตก เมื่อก่อนบวช ไม่รู้เลยว่าลมพัดอย่างไร ทิศทางไหน แต่ตอนบวช รู้ น่าจะเป็นเพราะตอนบวช เราอยู่กับปัจจุบัน มีอะไรไม่มี
ถ้าจำไม่ผิดชีวิตประจำวันมีแค่ สบง จีวร รัดคต กับอะไรอีกอย่างแล้ว จำไม่ได้ แต่จำได้ชัดว่า แต่ละวันที่ใช้มี 4 อย่าง ตอนเช้ายืนบาตร ตอนเดินถูกสอนว่า ห้ามมองไปข้างหน้าเกิน 7 ก้าว และก้าวยาวๆๆ ไม่ได้เพราะสบงจะเป็นตัวกำหนด ไม่ให้ก้าวเท้ายาว มันก็แปลก เดินระยะทาง 2 กม.ทุกวันไปกลับแทบจะไม่เหนื่อยเลย
น่าจะเป็นเพราะตอนเดินเรามองไม่เกิน 7 ก้าว ทำให้ชีวิต เราไม่มองไปไกลมากเกินไปจนเกิดความเร่งรีบ ทำให้เหนื่อยเพราะอยากให้ถึงเป้าหมายเร็วๆๆ แต่การเดินแล้วมองไปไม่เกิน 7 ก้าว ทำให้ชีวิตของเรากำหนดในระยะที่พอดี ไม่หวังข้างหน้ามากเกินไป
แต่ มาสมัยนี้ เคยเจอ ออกวิ่งตอนเช้า มีรถกระบะมาจอด แล้วคนลงจากรถ สีเหลือง พอมองอีกที ออ เป็นพระ เดินเหินก็สมบูรณ์ แต่ใช้วิธีนั่งรถมาแล้วจอดก่อนถึงหน้าบ้านคน ลงจากรถไปยืนบาตร เสร็จแล้ว ขึ้นรถต่อไปยังที่อื่น ก่อนกลับวัด เห็นแล้วมันน่าตักบาตรจริงๆๆ
นั่งรอบนบ้านจนฝนซา วิ่งมานั่งกินกาแฟ นั่งทบทวน คิดว่าจะทำอะไร วันนี้ โดยเรียงลำดับความสำคัญ
คนเราส่วนมาก บอกว่ายุ่ง บางคนไม่ได้ยุ่ง เพียงแต่จัดเวลาไม่เป็น ส่วนไหนที่สำคัญ ไม่สำคัญ ส่วนมาก มักจะยุ่งกับหน้าจอมือถือ จนเวลามันเสียไปมาก แล้วมาอ้างเหตุว่ายุ่งมากอย่างโน้นอย่างนี้
มานั่งกินกาแฟ ฝนตกหนักอีก เลยจับหนังสือมาอ่าน มันมีสมาธิ กับไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นได้เพราะฝนตก เคลื่อนย้ายต้วเองไปบ้านหลังข้างหน้าลำบาก เลยจับหนังสือที่อ่านยากขึ้นมา 1 เล่ม ของ Brian Tracy (ไบรอัน เทรซี่) อ่านครั้งที 2 เริ่มเข้าใจแนวคิดอะไรหลายๆๆ สิ่งหลายๆๆ อย่าง
อย่างแรก หาเสียงต้วเองให้เจอ แล้วช่วยให้คนอื่นหาเสียงของเขาให้ เจอ กับการผลักให้คนที่เราชอบกลายเป็นผู้นำ
สนุกดี เพราะหนังสืออ่านง่าย วันหนึ่ง เล่มเดียวหากว่างอ่านหมด แต่เล่มนั้น กว่าจะอ่านได้แต่ละบรรทัดต้องคิด อะไรหลายอย่าง มาคิดดูอีกทีเราแค่อ่านใช้เวลาแค่นี้ แต่คนเขียนหนังสือกว่าจะออกมาเป็นเล่มอย่างเล่มที่อ่าน ต้องใช้เวลา 5 ปี กว่า และต้องมีทีมงานในการช่วย กว่าเขาจะทุ่มออกมาเป็นหนังสือให้เราอ่าน เราก็ต้องอ่านให้จบ แม้ว่าจะหาซื้อในท้องตลาดไม่ได้ เลยซื้อมือสองมาผ่านแทน แต่สภาพยังดีมาก กระดาษกลายเป็นสีเหลือแล้ว ดูการพิมพ์ก็หลายครั้ง ครั้งหลังสุดในเล่มที่อ่าน พิมพ์เมื่อปี 2548
ตอนอ่าน ก็พยายามหาจุดที่ว่า แนวคิด หรืออะไรที่ตกรุ่นบ้าง ก็พบว่า หนังสือได้แถมซีดีมาด้วย แต่เดียวนี้ จะหาเครื่องอ่าน ซีดีจากที่ไหน ในคอมก็ถอดใสถาด SSD เสียแล้ว เดี่ยวค่อยเอามาเก็บไว้ใน HDD
ฝนหยุดตก ดูเวลา 06.25 น.เคลื่อนย้ายตัวเองมาบ้านหลังข้างหน้า เหมือนเดิม คนที่บ้านจัดการขนมครกให้กินขณะทำงานเรียบร้อย รองท้องก่อนกินข้าว
คิดแล้ว ชีวิตเราเรียบง่ายจริง ๆๆ ไม่มีอะไรยุ่งยาก ได้กินของง่ายๆๆ พื้นบ้าน ที่ในเมืองหากินแทบจะไม่ค่อยได้ ส่วนมากเมื่อหาอะไรกินในเมืองก็ต้องกินของเวฟ เคยถามเพื่อนในเมืองว่า ทำไม เพื่อนบอกว่า ไม่ค่อยมีตลาดแบบบ้านนอก หากจะซื้อของกิน กับข้าวบางทีต้องมาซื้อในห้างอย่างเดียว
น่าจะจริง เพราะในตลาดวันเสาร์อาทิตย์ ที่นคร มีตลาดใกล้ๆๆ โอเชียน คนแน่นรถติด แสดงว่าโหยหาตลาดกันมาก ถามต่อว่า แล้วตลาดหัวอิฐ หรือตลาดอื่นก็มี เพื่อนมันบอกว่า ไม่เหมือนตลาดแบบที่บ้านนอก ก็ไม่พูดต่อเพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่คนในเมืองแต่เป็นคนบ้านนอก เลยไม่รู้รายละเอียดของคนในเมืองมาก
มานั่งทำงานวันนี้ เริ่มตะลุยขั้นตอนการ วิเคราะห์ มันไม่ยากแต่มันอธิบายให้คนไม่รู้ยาก มันมีเงื่อนไขหรือออฟชั่นต่างๆๆ มาก กลัวผิดพลาดเลยเปิดคู่มือ แต่คู่มือดันเป็นภาษา english หมด เลยช้าต้องคอยนั่งแปลแบบงูปลา
ฝนก็ตกเป็นระยะ เริ่มดูเวลาใกล้เที่ยง ลุกขึ้นจากโตัะทำงาน แต่ไม่ปิดคอม อ่านหนังสือ นอนเล่น หลับไปนิดหนึ่งเพราะอากาศสบาย
คนที่บ้านมาปลุกบอกว่า ไปรับประทานอาหารมื้อเที่ยงได้แล้ว เดี่ยวจะเลยเวลา งัวเงียไปกินข้าว กับคนที่บ้านบอกว่า วันนี้น่าจะไปธนาคารหน่อย เพราะมันครบระยะเวลาแล้ว ให้ไปตรวจเช็คกระแสเงินในบัญชีบ้าง
ในหัวสมองก็เริ่มประมวลผลทันทีว่าจะไปช่วงไหนอย่างไร หากไปช่วงเช้า แสดงว่าไม่ได้เขียนบทความ
หากไปหลังเขียนบทความเสร็จ ติดมื้อเที่ยงพอดี ต้องหาซื้อกินในตลาดชะอวด ซื้อกิน กับกินข้าวที่บ้าน กินข้าวที่บ้านดีกว่า เพราะคนที่บ้านค่อนข้างจะวางแผนเรื่องการกิน โดยเน้นเรื่องสุขภาพ กับไม่ต้องเสียเงินซื้อ ซื้อกินแล้วบางทีไม่รู้เขาใส่เครื่องปรุงรสอะไรบ้าง
ประมวลผลเสร็จ เวลาที่เหมาะสมที่สุด คือบ่ายโมงครึ่ง กินข้าวอิ่มแล้วพักนิด อ่านหนังสือ หลังจากนั้นน่าจะไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น จนกว่า จะถึงบ่าย 4 โมงถึง 4 ทุ่ม ถึงจะมีกิจกรรมอย่างอื่น
เป็นอันตกลงใจ ตามนั้น
กลับจากธนาคาร เปิดคอมทำงานต่อ จนตอนนี้ ดูเวลา 21.17 น. 12/7/2022 น่าจะ พอก่อน
มองไปข้างนอกถนน รถก็ไม่ค่อยมีแล้ว นานๆๆ วิ่งมาสักคน พูดถึงเรื่องถนนสายชะอวด มันมีประเด็นหลายเรื่อง แต่น่าจะพอก่อนแค่นี้
แต่ปิดท้ายไว้นิดสำหรับคนที่ไม่ใช่คนใต้ เวลานี้ คือเวลาที่เงียบเพราะคนนอนเพื่อเตรียมแรงไปตัดยาง
แต่หากเป็นเวลา หลังเที่ยงคืนไปแล้ว ยิ่งช่วงตี 3 จะมีรถวิ่งมากกว่าปกติ เพราะมีคนออกกรีดยางกันมาก
พอแค่นี้ ขอบคุณสำหรับวันดีๆๆ ที่ใช้ชีวิตสงบและมีความสุขกับของใกล้ตัว
21.20 น
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร