มาปลูกไม้ป่ากันเถอะ
มาปลูกไม้ป่ากันเถอะ
ไม้ป่าในที่นี้ หมายถึงไม้เศรษฐกิจ หรือไม้ที่หายากนะครับ
มูลเหตุจูงใจมาจากได้ยิน คนเฒ่าคนแก่เขาพูดกันครับ ว่า หากสร้างบ้าน บ้านที่ชับ (หมายถึงแข็งแรง เป็นภาษาปักต์ใต้) ต้องบ้านที่สร้างจากไม้หลุมพอ หรือไม้ที่แข็งจริงๆๆ คือต้นหลุมพอ
แต่ ไม่รู้ว่าต้นหลุมพอ เป็นอย่างไร สมัยเด็กในสวนก็มีอยู่ต้นหนึ่ง แต่ก็ยังไม่รู้ว่านั้นคือต้นหลุมพอ ซึ่งพ่อเว้นไว้
มีบ่อยครั้งที่ต้นหลุมพอต้นนั้น มีลูกแล้วแตกหล่นลงมา แต่ไม่ค่อยได้เห็นลูก เห็นแต่ฝักของมันคล้ายสะตอ แต่มีขนาดใหญ่กว่า มันแตกแล้วหล่นบนพื้น ก็สงสัยว่า มันคืออะไร
เมล็ดพอมันแตกออกแล้ว หากไม่สังเกตุ จะมองไม่ค่อยเห็น เพราะมันรก เห็นแต่ฝักของมันที่อยู่บนพื้น ก็สงสัยว่ามันคืออะไร
บางที มีขึ้นใต้ต้นของมันเอง ก็เคยฟันทิ้ง เพราะไม่รู้ครับตอนนั้นว่าต้นอะไร
มาตอนหลังๆๆ ลองหาข้อมูล จึงรู้ว่านั้นคือฝักหลุมพอ
พอมันแก่ได้ที่แล้ว เมล็ดมันจะแตกจากฝักแล้วหล่นมาจากต้น เมล็ดของมันจะเปลือกแข็งมาก ลองเอามาเพาะ แรกๆๆ ทิ้งไว้หลายวัน ก็ไม่งอก สุดท้าย ลองเอามีดขริบเมล็ดดู และเอาไปแช่น้ำไว้ หนึ่งคืน หลังจากนั้นก็ลองเพาะอีกครั้ง แค่ 3 วันเท่านั้นแหละครับ งอกเลย
บางทีก็เก็บไว้เป็นปี โดยไม่ให้โดนน้ำ เมื่อเอามาลองเพาะก็ยังงอกได้ปกติ แสดงว่าเก็บไว้ได้นาน เนืองจากเปลือกมันแข็ง
การเพาะก็ไม่ยากครับ ถือว่าเป็นไม้ที่เพาะง่ายๆ มากๆๆ ครับ ระยะเวลาไม่กี่วัน ก็แยกมาลงถุงได้
จากในภาพ แค่ประมาณสองเดือนกว่าๆๆ แต่ให้ระวังนิดนะครับในระหว่างที่กำลังจะแตกออกมาเป็นใบ
เนื่องจากเมล็ดของมัน พวกหอยต่างๆๆ ชอบมากินเวลากลางคืน ก็ต้องสร้างพื้นที่ ให้หอยมันเข้าไม่ได้ด้วย ไม่งั้นมันจะกินเมล็ดหมด
แต่ ไม่น่าเชื่ออีกอย่างคือ
ต้นหลุมพอเนี่ย ตอนมันเล็ก ๆๆ เนื้อไม้จะอ่อนมาก ๆๆ หากทิ้งไว้ เนื้อไม้จะขึ้นราเต็มไปหมด และที่แปลกอีกอย่างยังหาสาเหตุไม่ได้คือ
ต้นหลุมพอ จะมีย่านเถาวัลย์ชอบขึ้นและพันเต็มไปหมด ขณะที่ไม้ต้นอื่นบางทีแทบจะไม่มีเถาวัลย์เลย มันแปลกจริงๆๆๆ ครับ
เมื่อหาข้อมูลจนรู้ว่า นั้นคือต้นหลุมพอแล้ว ลองสำรวจในสวนต่อ พบว่าในลำห้วยในสวน จะมีรากหรือที่เขาเรียกว่าพอนหลุมพอ ขนาดใหญ่มาก แสดงว่าต้นใหญ่มากเลย และส่วนมากจะอยู่ในลำห้วย แสดงว่าหลุมพอชอบขึ้นริ่มตลิ่ง หรือในห้วย
แต่มาถึงจุดนี้ ก็งง ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า ทำไมเขาเรียกว่า พอนหลุมพอ
พอนหลุมพอนี้ ก็มีค่านะครับ มีการหากันมาก ส่วนมากจะเอาไปทำฟอร์นิเจอร์ แต่ส่วนตัวไม่ชอบ กับอยากจะให้มันอยู่อย่างนั้น เพื่อให้ลูกหลาน เด็กรุ่นหลังๆๆ เขาได้ดูว่า อดีตความยิ่งใหญ่ของต้นหลุมพอมีขนาดใหน
เสียดายที่คนรุ่นก่อน บางที เขาโค่น เขาแค่ต้องการใช้พื้นที่มาทำมาหากิน ไม่ได้หวังใช้ไม้แต่อย่างใด ก็มี
แต่โชคดีที่พ่อ เว้นไว้ไม่ยอมโค่น เลยได้ดูให้เห็นตอนนี้
นั้นคือจุดเริ่มต้นในการคิดจะปลูกไม้ป่าครับ
แต่ก่อนจะปลูกไม้ป่า ได้คุยกับคนข้างสวน เรื่องไม้ป่า เขาบอกว่า หากเขาเจอไม้ป่าที่ไหน หรือหากอยู่ในสวนเขา ไม่ว่าขนาดใหน เขาจะโค่นทิ้งทันที และเขาก็รู้เรื่องไม้มาก เห็นปับ รู้ทันทีว่าต้นอะไร
ผู้เขียนสงสัย ก็เลยถามเขาว่า ทำไม คำตอบที่ได้ยินแล้ว ตกใจเลยไม่คิดว่า อายุเขาแค่ 30 กว่าๆๆ เขาจะมีแนวคิดแบบนั้น
เขาตอบของเขาคือ มันโตแล้วโค่นไม่ได้ ไม่รู้ปล่อยให้มันโตทำไม
เขามีความคิดเช่นนั้น เพราะในมุมของเขา เขาคิดว่า ไม้ป่าไม่สามารถจะให้ประโยชน์อะไรกับเขาได้ และเปลืองพื้นที่ของเขา
เขาไม่ได้คิดว่า หากต้นไม้โต มันได้อะไรจากต้นไม้บ้าง ยิ่งเป็นไม้ป่าที่ใกล้จะหมดแล้ว ต่อไปข้างหน้า หากมีแต่นาข้าว กับสวนยาง อะไรจะเกิดขึ้น เขาคิดแค่รุ่นของเขา เพื่อใช้พื้นที่หากินเลี้ยงตัวเอง แต่ไม่คำนึงถึงรุ่นลูกหลาน ก็ได้แต่คิดในใจครับ ไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด เพราะมันผิดใจกันเปล่า
หลังจากตกลงใจว่า จะลองปลูกไม้ป่า แน่นอนแล้ว ก็เริ่มหาข้อมูล
คำถามแรก จะเอาพื้นที่ไหนปลูก
ปัญหาแรกที่ตกลงใจว่า จะปลูกไม้ป่า คือ แล้วจะเอาพื้นที่ไหนปลูก ในสวนตอนนี้พื้นที่ทั้งหมดเป็นสวนยางหมดแล้ว
พันธุ์ไม้จะหาจากไหน ยกเว้นหลุมพอ เพราะมีต้นเก็บเมล็ดได้
ก็ออกสำรวจสวนละครับ ว่ามีพื้นที่ไหนในสวนพอจะปลูกได้บ้าง มาเจอที่บริเวณที่ว่างๆๆ เนื่องจาก ใกล้ริมห้วย แต่ก็มีปัญหาร่มของยาง กับที่ลุ่มที่ปลูกยางไม่ได้ กับมียางที่แก่มากแล้วกับมีปัญหา เกิดเชื้อรา กำลังจะลามไปในสวน ประมาณ 1 ไร่ เลยจัดการโค่น แล้ววางแปลนเพื่อจะปลูกเลย
แต่ ก็มีนะครับ ในเว็บไซต์ต่างๆๆ ที่เขาแนะนำว่า ให้ปลูกระหว่างแถว ดูแล้วแล้วมันร่มมากครับ น่าจะนานกว่าจะโต และอีกอย่าง ปลูกไว้กลัวมันมีปัญหาเรื่องการดูแล กับเวลาใส่ปุ๋ย และเมื่อลูกน้องตัดหญ้า เลยไม่ปลูก
เมื่อเตรียมพื้นทีเสร็จ ก็หาพันธุ์ไม้ป่า มาปลูก โชคดี สองชั้นเลย
- ชั้นแรก ป่าไม้แจกพันธุ์ไม้ฟรี ของกรมป่าไม้ อยู่ห่างจะสวนประมาณ 20 ก.ม
- ชั้นที่ 2 ตอนนั้น พ.ร.บ.ป่าไม้ ยังไม่ปลดล็อค มาตรา 7 คนเลยไม่นิยมปลูกไม้ป่ากัน พันธุ์ไม้เลยเหลือมาก ไปเอาไม่ต้องจองคิว หรือไม่มีพันธุ์ไม้ แค่ลงชื่อพร้อมแสดงหลักฐานที่ดิน ก็รับพันธุ์กล้าไม้ได้เลย เผลอๆบางทีเขาให้มามากว่าที่ขออีก
ได้ข่าวว่า ตอนหลังพอ ปลดล็อก มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.ป่าไม้ มีคนไปขอจนพันธุ์ไม้ไม่พอ ต้องรอคิว และบางทีได้ ก็ไม่ครบ
“มาตรา 7 ไม้ชนิดใดที่ขึ้นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา สำหรับไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้าม”
อย่างที่บอก นั้นแหละครับ กล้าพันธุ์ไม้ ได้มาค่อนข้างมาก พอมาปลูกแล้วเหลือเพราะพื้นที่ไม่มีจะให้ปลูกแล้ว ก็เสียดายพันธุ์ไม้ ที่เหลืออยู่ แจกสวนข้างๆๆ ก็ไม่มีใครเอา ก็ต้องหาทางเอาพันธ์ไม้ที่เหลือลองให้ได้ ประกอบกับเพาะพันธ์กล้าเอง หลายต้นด้วย
เจอที่ดินมรดกของแม่
จังหวะมันพอดีอีก มีที่ดินที่เป็นมรดกของแม่ที่ทิ้งไว้ให้ อยู่ติดถนนใหญ่ ยังว่างอยู่ อีก 7 ไร่กว่า เลยมาเตรียมพื้นที่ปลูก
ตอนนี้ ก็ต้องวางแผนละครับ เพราะเป็นที่นา ก็ต้องใช้วิธีการยกร่องแบบง่ายๆๆ เพื่อให้ลดต้นทุน ประหยัดไว้ก่อน หากลงทุนมาก
ไม้พวกนี้ อย่างน้อย ที่สุด 20-30 ปี ถึงจะโต แน่นอน เราไม่มีโอกาส ได้ใช้ แต่ก็ลูกหลานได้ใช้แน่นอน เลยยอมลงทุน แต่ก็ให้ประหยัดมากที่สุด
ก็จัดการเอารถไถยกร่อง เพื่อให้มันสูงเพื่อให้พ้นน้ำ กรณีที่น้ำท่วม กับทำเส้นทางหลักเพื่อสำหรับรถเข้าไปได้
มาถึงจุดนี้ ก็เข้าใจ บางคนที่เขาต้องอาศัยพื้นดินเพื่อทำกิน
หากเขาไม่ตั้งใจแน่วแน่ ที่จะปลูก มันก็กระทบกับรายได้ที่ต้องกินต้องจ่ายของเขาแน่นอน
เพราะปลูกต้นไม้แบบนี้ กว่ามันจะโต หรือโตแล้วหากไม่ขาย ก็แทบไม่มีรายได้อะไรเข้ามาในชีวิตเลย
แต่หาก คนเข้าใจคิด พอทำเสร็จ ก็คิดได้ครับ ว่าสามารถผสมผสานกันได้ ถ้าเราวางแผนและตั้งใจทำ
ไม่ยากครับ หากเราต้องการให้ที่ดินผืนนี้ มีประโยชน์ด้วย
[row]
วิธีการที่คิดว่าง่ายที่สุดและทุกอย่างลงตัวคือ
แทนที่เราจะปลูกให้ชิด ก็ใช้วิธีการ ปลูกให้ห่างระยะเป็น 10 เมตร ทั้งระหว่างต้น และระหว่างแถวครับ ส่วนพื้นที่ระหว่างดังกล่าว เราสามารถลงพันธ์ไม้อย่างอื่น เช่น ผลไม้ หรือไม้ที่เราต้องการปลูกได้ครับ
และผลดีที่ได้คือ ต้นไม้ป่าของเราจะใหญ่และขยายออกข้างครับ เพราะพุ่มหรือร่มไม้ มันจะไม่ชิดกัน แทนที่มันขึ้นสูงอย่างเดียว มันจะออกข้างและทำให้ไม้เรา ต้นโตกว่า ปลูกให้ชิด
ส่วนผลไม้หรือไม่อย่างอื่น ก็ไม่กระทบครับ เพราะไม้ปกติมันจะต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่แล้วครับ
หากเราทำสวนยาง ก็อาจจะเว้นไว้ เป็นจุดเพื่อปลูกต้นไม้พวกนี้ ได้ และไม้พวกนี้รากจะลงลึกมาก ไม่เหมือนยาง ยางรากไม่ลึกหรอกครับ ฝนตกหนักๆๆ และมีลมพัดนิด ๆๆ บางทีก็ล้มได้เฉยๆๆ เหมือนกัน
เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ปรับพื้นที่เสร็จ ลงมือปลูก ก็เจอปัญหาอีก
เพราะพื้นที่เดิมเป็นนา มันก็เลยมีแต่ดินโคลนที่แข็งแล้ว ต้นไม้ก็เลยไม่ค่อยโต เพราะพอหน้าแล้ง ดินจะแข็งจนแตกเลย
ทางแก้ ก็ต้องขุดหลุมเพื่อให้พ้นดินนา แล้วเอาดินรองพื้น สุดท้าย ไม่รอดอีก เพราะรากเน่า เพราะต้นไม้เล็กเกินไป
ทางแก้ ก็เอาต้นไม้ มาใส่ถุงดำแล้วเลี้ยงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วขุดหลุมใหม่ ให้มีขนาดใหญ่และลึก ให้รากถึงดินใต้ดินเหนียว ปรากฏว่า ได้ผล
เลยทยอยปลูก โดยแบ่งกล้าไม้ที่จะปลูกเป็น 3 ประเภท
- ไม้โตเร็ว สามารถใช้งานได้ไม่เกิน 10 เช่น ไม้สะเดาเทียม มะกะฮะนี ไม้แดง(แดงนี้ ให้ดีต้องเกิน 10 ปีขึ้นไป นะครับ กรณีจะแปรรูป แต่กรณีทำเสา ก็มีแกนพอครับ ทำเสาแล้วสวยครับ
- ไม้ ที่มีระยะการโต ตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ก็พวกเดิมนั้นแหละครับ ตัวนั้น เป็นตัวเลือกว่า จะทิ้งไว้ให้โตมากกว่านั้น หรือใช้งานเลย
- ไม้ระยะการโต ตั้งแต่ 20 ขึ้นไป ก็พวกหลุมพอ ตะเคียน กันเกรา พวกนี้ ก็ไว้เผื่อจัดการให้ลูกหลานนะครับ
จริงๆๆ แล้วเป้าหมายคือได้ออกกำลังกายด้วยครับ กับอยากจะสร้างพวกนี้ทิ้งไว้ เป็นมรดกแผ่นดิน จากฟื้นฟูพวกต้นไม้ที่หายาก
นอกจากพวกนี้ ก็ยังเว้นไว้มาก ที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นไม่คุณค่า เช่น พวกต้นหว้า ตะแบก ต้นกรบ และพวกที่ขึ้นตามจอมปลวก เป็นไม้สมัยเก่าที่นานมาแล้ว แล้วยังเจอพวกไม้นนท์ที่เขาใช้สำหรับทำด้ามจอบ
สรุปแล้ว การลงทุนไม่มากเท่าไร แค่ลงแรงมาก เพราะขุดหลุม ต้องให้มีขนาดใหญ่ ไม่งั้นรากไม่ไป อย่างเดียวหลังจากนั้นแทบไม่ต้องทำอะไรแล้ว ปล่อยให้กาลเวลา ให้มันช่วยทำงานของมัน
ไม่ได้คิดหวังจะรวย เพราะขายไม้หรือแปรรูป แต่อยากเห็นไม้พวกนี้ ยังคงมีตลอดไป
ว่างๆๆ ก็มาลองปลูกลองดูนะครับ วันละต้นสองต้น แล้วหลังจากนี้ จะทยอย อัพเดท ภาพต้นไม้ให้อีกที
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร