ภารกิจตอนเช้ากับทีมงาน
ภารกิจตอนเช้ากับทีมงาน
สะดุ้งตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกา ที่แขวนไว้ในห้องกลางบอกเวลา 6 โมงเช้า สิ่งแรกที่คิดคือ ทำไมวันนี้ตื่นสาย ปกติแล้วจะตื่นตี 5 ครึ่งของหัวรุ่งทุกวัน แต่ วันนี้ มาตื่นเอา 6 โมงเช้า มาลองนั่งคิดวิเคราะห์หาสาเหตุ หลังจากที่ลุกขึ้นจากที่นอนแล้ว น่าจะเหตุผลเดียว เมื่อวานกินอิ่มมากไปหน่อย อีกอย่างกินหลัง 6 โมงเย็น ปกติเวลานั้นจะไม่กินแล้ว มันน่าจะเกิดจากความผิดพลาดในการกำหนดวางแผน หรือวางแปลนเรื่องเวลาของเมื่อวานด้วย
เมื่อวานตั้งใจจะไปสวนให้เร็วขึ้น จากเดิมจะออกจากบ้าน 4 โมงเย็นทุกครั้งหากต้องการจะไปส่วนเล็ก ระยะทางมันไม่ไกลไปช้ายังสามารถทำงานได้เท่ากับส่วนใหญ่ แต่เมื่อวานออกจากบ้าน 3 โมงเย็น ในใจตอนนั้นวางแผนไว้อย่างดี ว่า จะทำงานให้เสร็จก่อน 5 โมงเย็น เพื่อจะได้กลับบ้านมากินข้าวตรงตามกำหนดเวลา พร้อมเผื่อเวลาไว้ เมื่อกลับจากสวนแล้วได้นั่งพักให้หายเหนื่อยด้วย รวมแล้วเผื่อเวลาไว้ ครึ่งชม.
สุดท้ายไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผนหรือคาดหวัง ทำงานเพลินมาดูเวลาอีกที 6 โมงเย็นแล้ว รีบกลับบ้าน ทันที
สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรือวันอื่นๆๆ นั้นคือ หากเราชอบทำสิ่งใด แม้ว่ามันจะเหนื่อย หอบ สารพัดอย่าง แต่ หากเราทำแล้วเรามีความสุข เราสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดเวลา นอกจากความชอบ ทำแล้วมีความุข ได้สิ่งที่เป็นเป้าหมายแฝงแอบซ่อนไว้ในใจ รู้คนเดียว สิ่งนั้นคือการได้มา เขาเรียกว่าสุขภาพ
นอกจากได้สุขภาพแล้ว แรงงานที่เราทำลงไป เช่นรดน้ำต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ปรับพื้นที่ เตรียมหลุมสำหรับปลูกต้นไม้ รอเวลาว่าเมื่อไหร่ฝนตกลงมา สิ่งที่เราทำได้ทันทีนั้นคือเอาต้นไม้มาปลูก หลังจากนั้น ค่อยทำอย่างอื่นต่อ ไม่นานมันลืมว่าเราปลูกต้นไม้ ไม่ต้องบำรุง ใส่บุ๋ย ไล่แมลง ฉีดยาบำรุงต้น แทบไม่ต้องสนใจไม่ต้องนึกถึงมันเลย
ส่วนพันธ์ไม้ฟรี ได้จากที่เดินในตอนเช้าของทุกเช้า เมื่อเก็บมาแล้วถึงบ้านโยนทิ้งไว้ในถุงดำ หากงอก แสดงว่ามันพร้อมที่จะโต เมื่อเราเห็นว่ามันพร้อมที่จะโตแล้ว แค่ก้มตัวลงถอนจากที่มันงอกขั้นมาในถุงดำ โยนใส่ท้ายรถ แล้วขับรถเข้าไปยังสวน บรรจงเอาดินในหลุมที่เคยขุดออกบ้างเล็กน้อย เพื่อให้มันฝังตัวเมล็ดหรือพันธ์ไม้ที่เราเอาออกจากบ้านให้มันติดกับดิน ลมพัดมาแล้วไม่ล้มหรือทำให้รากของมันเคลื่อนไหว เป็นอันเสร็จ
หลังจากสรุปสาเหตุที่นอนตื่นสายเรียบร้อยแล้ว รีบลงมาข้างล่าง ขณะลงบันใดบ้าน เจอพรรคพวกรออยู่แล้วเต็มไปหมด นำทีมโดยให้ตลาด ที่วิ่งไปวิ่งมาอย่างน่ารำคาญ แต่ส่วนตัวไม่ได้รำคาญ ที่ว่าน่ารำคาญไอ้ลาดมาก น่าจะมันทีมงานของมัน พวกแมวต่างๆๆ ที่ร้องลั่นไปหมด เหตุที่มันร้อง น่าจะเป็นการประท้วงว่า ทำไมวันนี้ตื่นสายเอาให้อาหารให้พวกมันกินช้า
แต่ ไม่ได้สนใจ พวกนี้มันประท้วงทุกวัน พอมีตัวใดตัวหนึ่งเริ่มสักตัว ตัวอื่นจะร้องตามกันทันที แล้วไอ้ลาดตัวกวนจะวิ่งไปเอาตีนตบตัวโน่นที ตัวนั้นที หากเรามองแล้ว ต้องคิดว่าแมวตัวอื่นต้องเกลียดไอ้ลาด แต่แปลก เท่าที่สังเกตุ ไม่มีตัวไหนเกลียด หากพวกมันอยู่ปกติ พวกนี้ ชอบมานอนข้างไอ้ลาด บางทีก็เข้าไปคลอเคลียไอ้ลาด นี่ถ้ามันพูดได้อยากจะถามพวกแมวว่า รักมันตรงไหน เวลากินอาหารก็ชอบแกล้งแมว เที่ยววิ่งไล่ชิงอาหารพวกแมว บางทีต้องจัดการสั่งสอนมันบ้างเล็กๆๆ น้อยๆๆ เพื่อให้มันเพลาๆๆ ลงบ้าง โดยใช้เท้าแตะที่ตัวมัน เช่นกันไม่เคยได้ผล มันยังคงปฎิบัติเช่นเดิมทุกวัน
มาคิดดูแล้ว น่าจะเกิดจากการฝึกด้วย อีกไอ้แกร็ก อีมอน อีเล็ก พวกนี้ หากโยนอาหารให้แบบไม่เจาะจงตัวพวกมันจะไม่กิน ยกเว้น เราเรียกชื่อมัน แล้วก้มเทอาหารตรงหน้ามันตรงพื้นมันถึงจะยอมกิน เหมือนกับมันรู้ว่า นั้นคืออาหารในส่วนของมัน
แต่ไอ้ลาด มันไม่เคยทำได้ น่าจะเป็นเพราะมันมาหลังสุดและด้วยความสงสารที่มันเคยเป็นมาจรจัด บางเรื่องบางราว ตามใจมันเพราะเหตุสงสารมัน
หลังจากจัดการเรื่องอาหารให้ทีมงานไอ้ลาดเสร็จ สิ่งที่ต้องทำทุกวันโดยไม่ต้องคิด มันจะดำเนินตามท้องเรื่องทุกอย่าง เป็นไปอย่างอัตโนมัติ นั้นคือ ต้มน้ำร้อนเพื่อเตรียมกินกับกาแฟ ก่อนเดินออกกำลังกาย
มันเป็นความรู้ที่ได้จากหมอหรือนายแพทย์ที่ทำคลิปแนะนำว่า ก่อนออกกำลังกาย หากกินหรือ ทานกาแฟไปสักนิด หรือไม่นิด แต่ปกติคือ 1 แก้ว มันจะช่วยอย่างมากในการเผาผลาญพลังงาน (มีแอบไปค้นนิดหน่อยว่า คำว่า” เผาผลาญ” พิมพ์ว่าอย่างไร ) เริ่มกินตามที่เขาแนะนำ แต่ปัญหามันเกิดหากกินกาแฟในขณะท้องยังว่าง สิ่งที่ตามมา หากกินโดยไม่มีอาหารส่วนอื่นตามไปด้วย คือโรคกระเพาะอาหารถามหา เมื่อเจอปัญหาก็หาทางแก้
เกี่ยวกับการแก้ปัญหา เคยเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ซื้อมานานมากแล้ว ดูจากที่จดบันทึกไว้ตอนซื้อ น่าจะประมาณ 30 ปีแล้ว เอากลับมาอ่านใหม่ เขาเขียนว่า การวัดคนฉลาดวัดง่ายนิดเดียว นั้นคือการวัดที่เขาแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวเองได้ดีหรือไม่ หากเขาแก้ปัญหาได้ดี แสดงว่าเขาเป็นคนฉลาด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต โดยใช้ตัววัดคือความสุข สรุปง่ายๆๆ คือเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับความสุข หรือความทุกข์ เขาสามารถแก้ปัญหาได้ทัน จนสภาวะชีวิตเขาปรกติสูข โดยไม่ทำให้เขาเครียดหรือเกิดความทุกข์
คิดว่า น่าจะมาอธิบายเพิ่มอีกที และคิดว่าอีกครั้ง คนที่อ่านบางคนอาจจะงง
มาว่าการต่อเรื่องการแก้ปัญหา เรื่องก่อนออกกำลังกายต้องกินกาแฟก่อน ให้กาแฟมันช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น แต่หากกินกาแฟอย่างเดียวไม่มีอาหารอย่างอื่นช่วยเสริมด้วย อาจจะมีปัญหาตามมา เกี่ยวกับกระเพาะอาหารของเรา สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคกระเพาะ อ่านแล้วข้ามไปได้ แต่หากมีคนที่มีปัญหาเดียวกัน ทางแก้คือ
กินไข่ต้ม พร้อมกาแฟ จะกินหนึ่งลูก หรือสองลูกก็ได้ แต่อย่ากินมากกว่านั้น ที่ห้ามไม่ใช่เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับคอเลสเตอรอล (คำนี้เช่นกันพิมพ์ไม่ถูกต้องเข้าไปค้นในอินเตอร์เน็ต หากผิดอีกต้องโทษอินเตอร์เน็ต) ที่แนะนำว่าไม่ควรกินเกินสองลูก เพราะว่ามันจะอิ่มมาก เผลอๆๆ หลังจากเดินออกกำลังกายเสร็จอาจจะไม่อยากข้าว (ไม่หิวอาหาร แต่ปักต์ใต้เรียกว่า ไม่อยากข้าว)
มาว่าเกี่ยวกับเรื่องไข่ต้มนิด บางคนคิดว่าต้มไข่ เป็นเรื่องง่ายๆๆ สบายๆๆ ทำไม่ต้องมาเขียนเพิ่มเติมหรืออธิบายอีก เอาเป็นว่า อยากเล่ามากกว่า ในเรื่องไข่ต้ม เท่าที่กินมาลองผิดลองถูก จนรู้ว่า ไข่ต้ม มันแตกต่างกันหลายอย่าง
ไข่ที่เราต้ม มันมีชื่อเรืยกหลายชื่อแล้วแต่ว่าจะเรียกว่าอะไร หากเป็นวุ้นเล็กน้ำพร้อมมีน้ำ ไข่แดงยังเหลว เขาเรียกว่าไข่ลวก
เวลากินมันจะผิดกันมากระหว่างไข่ต้ม ไข่ลวก ไข่ออนเซ็น สรุปก็แล้วกัน หากเรากินไข่ต้ม จนสุก มันจะมีความรู้สึกติดคอ กินไปนานๆๆ เราจะเบื่อในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า ไข่ที่เหมาะสมคือไข่ที่ยังเป็นวุ้น มันน่าจะเรียกว่าไข่ออนเซ็น แต่ในความรู้สึกส่วนตัว มันจะค่อนข้างแข็งกว่าไข่ออนเซ้น เล็กน้อย
วิธีการให้ได้ไข่ต้มที่กินทุกวันแล้วใม่เบื่อ คือ ต้มน้ำร้อนด้วยกาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า หลังจากนั้น เมื่อเริ่มต้มให้ค่อยๆๆ ปล่อยไข่ลงในกาต้มน้ำร้อน ระวังอย่าให้กระแทกจนไข่แตก เมื่อใส่ไข่ลงไปเรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีให้ดูว่าน้ำร้อนที่เราต้มร้อนแล้วหรือยัง เมื่อมีไฟเตือนว่าร้อนแล้ว ให้ทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วใช้ช้อนกาแฟตักมาใส่ในน้ำเย็น (ใช้อะไรก็ได้ ที่สามารถเอาไข่ออกจากกาต้มน้ำร้อน ที่บอกว่าช้อนกาแฟ เพราะความขี้เกียจหาสิ่งอื่นมากกว่า)
เป็นอันว่าเสร็จในการกินกาแฟ พร้อมกับไข่ต้ม ใช้เวลาไปประมาณ 15 นาที รวมหมดแล้วทั้งเวลาต้มน้ำเพื่อผสมกับกาแฟ รอไข่ต้มให้สุกหรือมีขนาดน่ากิน แล้วซดกาแฟเข้าปาก ในขณะเดียวกันก็ตอกไข่ตรงกลางแยกเป็นสองส่วน ใช้ช้อนกาแฟอีกครั้งตักกินพร้อมกาแฟ เป็นอันเรียบร้อย เตรียมตัวออกกำลังกายได้
เกือบลืมไปนิด เวลาในการสวมรองเท้าเพื่อออกกำลังกาย ใช้เวลาในช่วงที่รอให้น้ำที่เราต้มมันร้อนนั้นแหละ และอาจจะใช้เวลาช่วงนั้นไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่อย่าลืมต้องดูเป็นระยะว่าปุ่มแจ้งเตือนที่กาต้มน้ำร้อน แจ้งว่ามันร้อนแล้วหรือไม่ หากเราพลาดการดูไป มันจะมีผลกระทบกับเวลาที่เรากะระยะหลังจากนั้น เพราะหลังน้ำมันร้อน เราต้องจับเวลาอย่างน้อย 5 นาที หากเกินไปไข่ต้ม อาจจะแข็งมากเกินไปได้
ออกจากบ้านเพื่อออกกำลังกาย ในตอนนี้แหละจะมีทีมงานออกไปด้วย คือไอ้เกร็ก และไอ้ลาด สองตัวนี้ ในระหว่างนั่งกินกาแฟ มันจะนั่งรอ เหมือนกับกดดันว่า ให้ออกเดินได้แล้ว มันรอทำหน้าที่เป็นบอดีการ์ดเพื่อปกป้องอยู่ ดังนั้นพอออกเดินมันจะวิ่งนำหน้าบ้างตามหลังบ้าง จนใกล้ถึงสะพานที่ฝั่งหนึ่งจะเป็นถิ่นของหมาบ้านอื่น
ไอ้เกร็ก จะเปลี่ยนท่าทีทันทีเมื่อพ้นสพาน มันจะระวังตัวมากขึ้น มองซ้ายมองขวาตลอด แต่มันจะวิ่งด้านซ้ายอย่างเดียวแล้วในตอนนั้น ส่วนด้านขวามือของถนนมันไม่วิ่ง เพราะด้านนั้นเป็นบ้านของทีมหมาอีกชุด กับหากวิ่งทางด้านซ้าย เมื่อมีทีมหมาเจ้าถิ่นวิ่งออกมา ไอ้เกร็กมันฉลาด มันจะวิ่งออกถนนใหญ่ที่ทอดยาวขนาดกับเส้นทางที่เดินออกกำลังกายทันที
หากมันวิ่งออกถนนใหญ่ได้ หมาเจ้าถิ่นจะไม่ตาม เพราะถนนใหญ่เปรียบเสมือนเป็นส่วนกลางที่ไม่มีใครเป็นเจ้าถิ่น นอกจากนี้แล้วในขณะที่เดิน มันจะวางอำนาจโดยการพ่นเยี่ยวไปตลอดทาง
สำหรับไอ้ลาด ไม่ต้องพูดถึง มันเป็นหมาเพิ่งโต หันกลับไปมองอีกครั้ง พอถึงสะพานมาหายตัวไปทันที น่าจะวิ่งกลับบ้าน
ที่เล่ามาทั้งหมดคือการเตรียมตัวออกเดินในแต่ละวัน หลังจากนั้น เจอพฤติกรรมของหมาอีกหลายรูปแบบ มีบางตัวที่เมื่อเดินผ่านหน้าบ้าน มันจะสงบนิ่งไม่เห่า แต่หากในจังหวะนั้นมีคนขับรถออกจากบ้าน มันจะวิ่งนำหน้าพร้อมกับเห่าทันที เพื่อบอกให้รู้ว่ามันคือคนที่ดูแลรักษาความปลอดภัยคนในบ้าน ตอนนี้คนในบ้านกำลังจะขับรถออกนอกบ้าน มันต้องออกมารักษาความปลอดภัยเคลียร์เส้นทางก่อน
ดูเวลาแล้ว น่าจะพอก่อนเดี่ยวค่อยเล่าต่อ
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร