หมอนัด
เขียนหัวเรื่องว่า หมอนัด เสร็จแล้วยิ้มในใจ ภาษาไทยมันดิ้นได้จริงๆๆ อย่างที่เขาว่ากัน หากอ่านแล้วไม่อ่านเนื้อหา คิดว่าคงเป็นการเขียนเล่าสู่กันฟัง เรื่องหมอหรือนายแพทย์ที่ชื่อนัด แต่จริงๆๆ แล้วไม่ใช่ เป้าหมายในการเขียนคือ แพทย์ได้นัดหมายล่วงหน้าเพื่อตรวจ หลังจากที่ตรวจไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อติดตามผลว่า หลังจากที่หมอวินิจฉัย ให้ยาไปกิน หรือไม่ให้ยาไปกิน ก็แล้วแต่ หลังจากนั้นนัดมาตรวจอีกครั้งเพื่อดูว่า อาการดังกล่าวดีขึ้นหรือไม่อย่างไร
แต่คำพูดที่พูดติดปาก (หาความหมายเอาเอง ว่า “พูดติดปากคืออะไร”) หากมีคนถามว่าไปไหน แล้วเราบอกว่าไป รพ.หน่อย หมอนัด เป็นอันว่าผู้รับสารจะเข้าใจทันที
วันนี้ หมอนัดตรวจหลายอย่าง แต่ที่แน่ๆๆ ตรวจประจำ จนเมื่อก่อนเป็นคนกลัวเข็มเจาะเลือดหรือฉีดยา มาบัดนี้ ความกลัวดังกล่าว แทบจะหายไปหมดสิ้น หลังจากที่เจาะเลือดบ่อยมาก เพื่อหาค่าเลือดตามที่หมอหรือนายแพทย์สงสัย
แต่ในความจริงแล้วตอนไปนั่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เจาะเลือดแล้ว สิ่งที่มาทุกครั้งคือความกลัวเจ็บ แต่ให้กำลังใจตัวเองว่า เจาะเลือดบ่อยเท่าไร มันยิ่งดี นั้นแสดงว่า การเจาะเลือดเพื่อหาสาเหตุที่ผ่านมาไม่พบความผิดปกติของร่างกายเรา เลยต้องเจาะหาสาเหตุอื่นอีก เรื่อย หากเจาะเลือดครั้งเดียวแล้วเจอค่าเลือดผิดปกติทันทีตามที่แพทย์สั่งให้ตรวจเพื่อหาผลค่าเลือดนั้น แสดงว่าร่างกายเราไม่ค่อยจะสมบูรณ์ และเราได้เจาะเพื่อหาค่าเลือดนั้นอย่างเดียว เพราะหาเจาะเจอสาเหตุแล้วแพทย์คงไม่สั่งให้เจาะเลือดเพิ่มเติมเพื่อหาค่าเลือดอื่น แต่พอเจาะหาค่าเลือด ของโรคนั้น โรคนี้ ไม่เจอ ก็เจาะหาอีก เพื่อหาให้เจอว่ามันเกิดจากอะไร
จนสุดท้าย เมื่อหมอเจาะเลือดเพื่อดูว่าร่างกายเรามีข้อผิดปกติตรงไหนบ้าง ตามที่สงสัยแล้วนั้นไม่พบ หรืออ่านค่าเลือดแล้วไม่มีค่าใดผิดปกติ นั้นเท่ากับว่า เราได้เช็คสุขภาพของเราไปในตัว พอสบายใจได้เปลาะหนึ่งเบื้องต้นว่า สุขภาพของเราสมบูรณ์ หลังจากนี้ พยายามรักษาร่างกาย เพื่อป้องกันได้ง่ายขึ้น
วันนี้เช่นกัน หันไปมองตอนที่เจ้าหน้าที่เจาะเลือดเสร็จ เลือดที่เจาะเอาออกไปจำนวน 2 ขวดเล็กๆๆ ปกติไม่ค่อยหันไปมอง เจาะเลือดเสร็จ ด้วยความสบายใจหลังจากที่เข็มพ้นจากผิดนั่ง ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมา แต่ในวันนี้ เจ้าหน้าที่บอกให้เอามือไปกดสำลี ที่อุดไว้ในรอยเข็มเจาะเลือด มันเลยเกิดความสงสัยว่า ทำไม ปกติไม่ต้อง จนท.จะทำคนเดียวหมด เลยหันไปมอง แล้วก็หายสงสัย เพราะว่า เขาจะเอาจากเข็มที่เจาะเลือดไปใส่ในขวดเล็กๆๆ จำนวน 2 ขวด หากมือหนึ่งเขากดสำลีไว้ อีกมือหนึ่งไปฉีดเลือดลงขวด 2 ขวดพร้อมกันไม่สะดวก
เจาะเลือดเสร็จ มีไปอุตราซาวด์ต่อ แต่ปรากฏว่า ฝ่ายอุตราซาวน์มี ลูกค้ามาก อาจจะช้าไปนิด และในขณะเดียวกัน แพทย์ที่ตรวจมีความจำเป็นต้องไปที่อื่น ไม่มีเวลานั่งรอผล เป็นอันว่าการอุตราซาวด์หน้าท้อง ต้องเลื่อนไปวันอื่น และพยาบาลบอกว่า งั้นไปกินข้าวได้ ในความรู้สึกของตัวเองคิดว่า ดีเหมือนกัน เพราะกำลังเริ่มหิว แต่หากมีการตรวจอุตราซาวด์ขึ้นมาพยาบาลบอกว่า ต้องอดข้าว อดน้ำจนถึงบ่ายสอง ดูเวลาตอนนั้นแล้วใกล้เที่ยง หากอดถึงบ่าย 2 นาจะหิวมากเหมือนกัน
เป็นอันได้ความรู้อีกอย่างว่า การตรวจช่องท้อง ต้องอดหารหลังเที่ยงคืน เหมือนกับการตรวจสุขภาพแล้วต้องมาเจาะเลือดเพื่อหาค่าหรือดูค่าเลือดบางชนิด ที่ต้องอดอาหารก่อน ในความเป็นจริงแล้วในใบนัดเขาได้แนะนำแล้ว แต่ไม่ได้อ่านให้ดี และมันก็เป็นบทเรียนหนึ่งเหมือนกันว่า ครั้งต่อไปต่ออ่านรายละเอียดให้ดีทุกครั้งเพื่อไม่ให้เสียเวลา
เปรียบเสมือนกับเราซื้อเครื่องมือนั้นแหละ แม้ว่า เราจะใช้เป็นหรือไม่เป็น สิ่งแรกที่เราต้องฝึกให้เป็นนิสัยคืออ่านคู่มือก่อน แม้จะอ่านผ่านๆๆ ก็ดีกว่าไม่อ่าน มันจะช่วยเราได้มากในการทำงานหรือทำอะไรก็ตาม
เมื่อพยาบาลบอกว่า ไปกินข้าวได้ก็เดินมากินข้าว ร้านค้าก็อยู่ตรงนั้นแหละเป็นมุม ที่อยู่ติดกัน เพียงแต่เขาแยกระดับให้ต่ำลงไป มันเลยทำให้ดูเป็นสัดส่วย ไม่น่าเกลียดว่าร้านขายข้าว กับที่ตรวจอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่หากพื้นที่ระดับเดียวกัน มันจะดูไม่ตรวจ เพราะเดินไปประมาณ 2 ห้อง จะเจอร้านขายข้าว แต่พอเขาลดระดับต่ำลงจากที่ตรวจเลยดูไม่ออกว่าเป็นร้านขายข้าว เป็นพื้นที่เดียวกัน
พอเห็นเมนูของร้านขายข้าวที่พนักงานส่งให้เพื่อสั่งรายการอาหาร แทบจะในทันทีนั้นเลยสั่ง ข้าวไข่เจียว น่าจะเป็นอาหารที่เร็วที่สุดในการทำหรือปรุง และคิดว่า ในระดับความหิวดังกล่าว หากเป็นชนิดอื่น น่าจะหิวมากกว่าเดิมเพราะต้องรอ มองดูคนในร้านแล้วเริ่มมาก ไข่เจียวคือคำตอบสุดท้าย
และเป็นไปตามดังคาด ในเวลาไม่นาน ข้าวไข่เจียว ยกมาทันที สิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่ความอร่อย แต่ต้องการความเร็ว พออิ่มแล้วมันเหมือนกันหมดทุกอย่าง จะได้มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่น แต่หากไม่หิวมาก หรือคนไม่มาก สั่งตามที่ชอบหรือที่คิดว่าอร่อยได้เลย นั้นคือแนวคิดในการทำงานหรือทำอะไร ชอบวิเคราะห์เหตุการณ์เฉพาะหน้าไว้ก่อน ไม่ชอบอะไรที่ต้องกำหนดตายตัวว่าต้องอย่างนั้นทุกครั้ง
หลังจากความอิ่มมาแทนทีความหิว หันไปมอง บางคนที่มาพร้อมกันยังไม่ได้กิน ส่วนตัวเองใจการเรียบร้อยแล้ว เดินออกจากร้านอาหาร ว่าจะไปกินกาแฟสักนิด มีขายในชั้นเดียวกัน แต่อยู่อีกมุมด้านทางเดินไปยังตึกใหม่
แต่ นึกไม่รู้นึกอะไรขึ้นมา ตัดสินใจไม่ไปกินกาแฟ แต่มานั่งรอหน้าห้องตรวจ ดูเวลาหลังจากเจาะเลือดแล้ว ผ่านไป 45 นาที จนท.เจาะเลือดบอกว่าจะรู้ผลประมาณ ชั่วโมงครึ่ง แต่เท่าประสบการณ์ที่เจาะเลือดมามาก ดังที่บอกมาแล้วส่วนมากแล้วไม่เกิน ชม.มักจะได้ผลค่าเลือดที่เจาะแล้ว
นั่งไม่นานมีเสียงเรียกชื่อ ตกใจเหมือนกัน ไม่นึกว่าจะเร็ว ดูคนที่นั่งรอตรวจของแพทย์คนเดียวกันแล้ว ยังมากอยู่เลย กับอีกอย่าง ตอนไปกินข้าวพยาบาลบอกว่าคิวที่ 19 ตอนนั้น คนที่เข้าตรวจยังไม่ถึงคิวที่ 10
ตอนเข้านั่งรอตรงหน้าประตูเพื่อฟังผลตรวจเลือด กังวลนิดๆๆ ว่าจะเจออะไรบ้าง เพราะค่าตรวจผลเลือดแพงมาก และคิดว่า หากแพงมาก ต้องมีการตรวจสิ่งสำคัญหลายอย่าง กับเอาเลือดไปมาก และระยะเวลาในการตรวจค่าเลือดของแลป ตอนที่เขาบอกว่าการตรวจค่าเลือดจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติ
เมื่อพบแพทย์ แพทย์บอกว่า ทุกอย่างปกติหมด แต่ต้องขอตรวจอย่างอื่นต่อ ได้หรือไม่ เป็นคำถามที่แพทย์ถามกลับมาก คล้ายๆๆ กับว่า ตรวจมามากแล้ว เจาะเลือดก็มากแล้ว บางครั้ง แลปในนครไม่สามารถตรวจได้ ต้องส่งตรวจ แลปที่กรุงเทพ ฯ ยังไม่พบสาเหตุของโรคโลหิตจาง แม้ว่าค่าเลือดจะเพิ่มมาปกติแล้ว แต่แพทย์ อยากตรวจหาสาเหตุต่อว่า มันเกิดจากอะไร ที่ผ่านมายังไม่พบสาเหตุ แต่เกรงใจคนที่มาตรวจว่าจะกระทบค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหรือไม่ เพราะเบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ
ตอบตกลงไปทันทีเหมือนกัน ว่ายินดีให้แพทย์หาสาเหตุต่อ เพราะจะได้ตรวจสุขภาพในส่วนที่แพทย์สงสัย มันเป็นผลดีกับเรามากกว่า หากพบจะได้รักษา หากไม่พบ จะได้รู้ว่าร่างกายของเราในส่วนที่ตรวจมาทั้งหมดไม่มีปัญหา และจะได้วางแผนชีวิตในการระวังตัว ไม่ให้มีโรคดังกล่าวเกิดขึ้น
เป็นอันว่าภารกิจ หมอนัดเสร็จเรียบร้อย
ว่าจะเล่าเกี่ยวเรื่องอื่นต่อ รู้สึกว่าพิมพ์ผิดบ่อย น่าจะเกิดจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง และหลายสิ่ง เอาเป็นว่า เดี่ยวค่อยมาเล่าต่อพรุ่งนี้
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร