ร่างกายเริ่มปรับตัว
ร่างกายเริ่มปรับตัว
เขียนหัวข้อไปยังงั้นแหละ เพราะสุดท้าย มันไปเรื่อยไม่เคยตรงตามหัวข้อ เคยอ่านเจอกูรู แนะนำว่าอย่าทำเพราะมันลดคุณค่าของบทความ แต่ อันนี้ ส่วนมากเป็นบทความเขียนเองอ่านเอง คิดว่าคงไม่มีใครลดคุณค่า เพราะน่าจะไม่มึคนมามาก อีกอย่าง จะทำ SEO มันทำไม่ได้ เพราะมันไม่มีคีย์เวิร์ดที่จะทำ
สองสามวันแล้วที่เปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง จากเดิม หากไม่มีงานอะไรข้างนอกบ้าน หรือมีกิจกรรมอื่น ส่วนมาแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว มักจะอ่านหนังสือพร้อมกับกินกาแฟ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ สักพักเดินมานั่งหน้าเครื่องคอมแล้วค่อยๆๆ ใช้มือบรรจงพรมลงบนคีย์บอร์ด พรมไปเรื่อยจนใกล้ 8 โมงเช้า หรือบ้านเราเรียกว่า ตี 8 จึงเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งกินข้าว
กินข้าวเสร็จ บางทีหรือส่วนมาก จริงๆๆ แล้วคือบ่อยประจำมาก คือเคลื่อนย้ายตัวเองอีกครั้งมานั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ บรรจงพรมคีย์บอร์ด พร้อมกับใช้นิ้วชี้บ้าง นิ้วกลาง บ้างคลิกบ้าง เลื่อนบ้างบนเมาส์ ตลอดเวลา
สุดท้าย ดูสภาพแล้วมันไม่น่าจะใช่ ร่างกายน่าจะรับไม่ไหวหากเป็นแบบนี้นานๆๆ แม้ว่าตอนเย็นจะออกกำลังกาย โดยการไปสวนบ้าง ทำอะไรที่ออกแรงช่วงบ่ายบ้าง แต่มาคิดดูกิจกรรมที่ทำไม่น่าจะตอบโจทย์ ดีพอ
ว่าแล้วปรับตัวเองใหม่
ตื่นเช้า เปลี่ยนผ้า ใส่เกือก(รองเท้า) เดินออกจากบ้านแทน เดินได้ประมาณ 2 กม.ทุกวัน กลับถึงบ้าน ตี 8 นั่งพักสักครู่ อาบน้ำแล้วรับประทานอาหาร หลังจากนั้นจึงเริ่มกิจกรรมเปิดคอมพิวเตอร์แทน หรือไม่ก็ไปทำกิจวัตรประจำวัน
รู้สึกถึงสิ่งที่สำผัสได้คือ ร่างกายมันนิ่งขึ้นกระปรี้ กระเปร่า ขึ้น (ยอมรับเลยว่า ตอนหลังๆๆ ภาษาไทย มันเรื่มเพี้ยน พิมพ์ไม่ค่อยถูก น่าจะต้องมาปรับเรื่องการใช้ภาษาอีกคร้้ง ) นี่แหละผลของการอ่านโซเชียลมากเกินไป เพราะในโซเชียล ก่อนที่จะพิมพ์ออกมา จะไม่มีการบรูฟ (ไม่รู้เขียนถูกหรือไม่)หรือตรวจสอบ ก่อนจะเผยแพร่ ออกสู่ สาธารณะชน แต่
ไม่ใช่หนังสือ หากเป็นหนังสือจะต้องมีการตรวจสอบทุกอย่างก่อนออกสู่สาธารณะชน
การเดินและการวิ่งในตอนเช้า (ส่วนมากเดินมากกว่า) สิ่งที่ได้มากนอกจากการได้ออกกำลังกายแล้ว ได้เห็นกับสภาพชีวิตของคนแถวบ้าน
อย่างที่บอกแล้วว่า สิ่งของใกล้ตัวที่เรามองทุกวัน มันดูเป็นของธรรมดา พอดูเป็นของธรรมดา มันจะทำให้เรามองข้ามในส่วนที่เป็นความสวยงามในตัวมัน
เส้นทางการวิ่ง แม้ว่า จะไม่ไกล แต่หากเรามองแบบไม่มองให้ธรรมดา จะเห็นว่าบรรยากาศ สวยมาก ส่วนแรกวิ่งขึ้นเนิน สักพักวิ่งลงที่ราบ ถนนนคดนิดๆๆ สักพักขึ้นเนินอีกครั้ง
หากนึกภาพไม่ออก เส้นทางที่เดินหรือวิ่งคือ การวิ่งข้าวควน (เนินเล็กๆ ) 2 ลูก โดยเริ่มจากตีนควน ไปจนสุดตีนควน ลูกที่ 2
สองข้างทางมีสิ่งที่แตกต่างกันอย่างมาก หากเริ่มวิ่งออกจากบ้าน จะเจอกับสภาพบ้านคนแบบชนบท มีแต่รั้วไม่กั้นเพื่อบอกว่า อันนี้เป็นบริเวณบ้านนะ แต่ใครๆๆ สามารถเดินเข้าออกได้ตลอดเวลา มองดูแล้วมันอบอุ่น เพราะอยู่กันเป็นชุมชน บ้านเรือนหากบ้านใครทิ่มเครื่อง (การทำเครื่องแกงโดยใช้ครก ตำให้ละเอียด) จะได้ยินอย่างชัดเจน
แม้จะไม่รวย แต่ดูเขาดูอย่างสงบ มีความสุข ในความรู้สึกของตัวเอง รู้สึกว่า ชุมชนนั้นเป็นของเขา เขาสำผัส พูดคุยกันตลอดเวลา
แต่… วิ่งไปได้สักพัก เจอกำแพง ไม่มีทางเข้าออกเลย ยกเว้นด้านหน้า มองข้ามกำแพงไปเป็นโรงสีข้าว ไช่แล้ว อันนี้คือส่วนพื้นที่ของคนรวย ที่เขาอยู่ในหอคอยของเขา เขาแทบไม่เคยสำผัสชุมชน
เขาอยู่แต่ในโลกของเขา ขี่รถราคาแพง เขาไม่เคยออกมาเดินบนถนน ยกเว้นขับรถออกมาแล้วความสุขของเขาคือในเมือง มันแสดงให้เห็นว่า สังคมมีการแบ่งกันนิดหน่อย
ถามว่า ใครมีความสุขมากกว่า หากมองผ่านๆๆ คนที่อยู่ในกำแพงหน้าจะมีความสุขมากกว่า แต่ หากมองให้ละเอียดให้ชัด ชาวบ้านในชุมชนมีความสุข น่าจะมากกว่า เพราะเขาไม่ต้องเร่าร้อน ใช้ชีวิต ตามความเป็นจริงที่เข้าใช้ในทุกวัน เขาอยู่กับชุมชนของเขา
แต่ ในส่วนลึกๆๆ ยังคิดว่า คนรวย น่าจะมีความสุขมากกว่า มากๆๆ ไม่งั้นไม่มีใคร พยายามที่จะให้ตัวเองรวยกันหรอก ทุกคนทำงานหนัก ทำทุกอย่างเพื่อคำเดียว “รวย”
ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน วัดกันไม่ได้ ว่าใครมีความสุขมากกว่า
แต่สำหรับตัวเอง รู้สึกว่า มีความสุขกับธรรมชาติ ได้สำผัสผู้คน ได้เห็นคน ได้ปรับมุมมองใหม่ จากที่เคยมองแต่เป็นของธรรมดา ไม่สวยงาม แต่วันนี้ หลังจากปรับทัศนะคติใหม่ รู้สึกว่า สิ่งรอบข้างของเรามันสวยงามมากๆๆ
วันนี้ เป็นอีกวันที่เปิด youtube น่าจะไม่เกิน 3 ครั้ง เพราะเริ่มจะรู้ทันแล้วว่า เนื้อหาคือการสร้างเพื่อหาเงิน บวกกับเนื้อหาบางส่วนพยายามชี้นำ ตอนนี้ ชำนาญถึงระดับที่รู้เลยว่า เนื้อหาแบบนี้ น่าจะเป็นของช่องไหนอย่างไร แทบไม่ต้องดูชื่อช่องเลย
พยายามหาช่องที่มีความรู้ แต่ AI มันช่วยจัดการให้เรียบร้อย เลื่อนจนเมื่อยมือไม่เจอที่ถูกใจ เลยปิด APP ตามระเบียบ
มาเปิด Facebook หนักว่าอีก เนื้อหาแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกโฆษณา เลื่อนไปเจอแต่โฆษณา วันนี้ ลองค้นหาเสื้อผ้าเพื่อใช้งานในสวน พร้อมกับคิดว่า เดี่ยวจะต้องมีโฆษณาเกี่ยวกับผ้าใส่ไปสวนแน่ๆๆ สุดท้ายเป็นอย่างว่า มาเต็มเฟสไปหมด คิดว่าไม่นาน น่าจะต้องลาขาดอีกตัว
ส่วนที่สองที่ เจอในเฟส คือพยายามทำอย่างไรก็ได้ให้คนติดตามให้มาก บางทีมันมากจนไร้สาระไปเลย วันๆๆ สรุปแล้วอ่านแต่เรื่องไร้สาระ
ส่วนที่ 3 เนื้อหาที่มาจาก ติ้กตอก ส่วนนี้ เป็นเชิงสื่อที่ไม่อยากพิมพ์ นับว่า มันเป็นความเสี่ยงมากในอนาคต เนื้อหาดังกล่าว หากเป็น youtube จะไม่สามารถลงได้แน่นอน แต่ ติกตอก ลงได้เกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะสื่อบางอย่างที่เขาเรียกว่าสองง่าม สองแง่
ในความคิดส่วนตัว ระหว่าง ติก กับ youtube ความรับผิดชอบต่อสังคม สู้ youtube ไม่ได้ แต่แปลกในความคิดส่วนตัวคิดว่า เฟสบุค นั้นแหละพยายามยัดเยียด ติก ตลอดเวลา มากว่า youtube อีก
ที่เขียนมาคือความคิดในส่วนในมุมมองของตัวเอง แต่ส่วนดีของที่กล่าวมาแล้วมีมากเช่นกัน มากจนเขียนบรรยายไม่หมด
เอาเป็นว่า บ่นแค่นี้พอสำหรับคนนี้
ว่าแต่การตั้งชื่อเรื่อง แค่การตั้งชื่อจริงๆๆ
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร