หัวค่ำอากาศเริ่มปกติ
หัวค่ำอากาศเริ่มปกติ
วันนี้ติดพันเรื่องการเขียนบทความหลายเรื่อง แต่ไม่ใช่ Blog ร่างกายเริ่มล้าเลยไม่ได้เขียนตอนเช้า แต่โดยปกติวิสัย มันคือสิ่งที่ต้องการสร้างวินัยให้กับตัวเอง ทั้งที่เหนื่อยวันนี้ ตอนเช้าออกวิ่ง หรือเดิน แล้วแต่ห้วงจังหวะสภาพร่างกาย
เสร็จแล้วมานั่งทำเว็บ แล้วออกไปธุระนิดหน่อย กลับถึงบ้านอากาศดี เปลี่ยนผ้าพ้นไปสวน มาเหงื่อมาท่วมตัว แม้ตอนพิมพ์อยู่นี่ ยังรู้สึกว่าล้า แต่ยังพิมพ์ต่อไป แค่ความเร็วมันลดลง สมองคอยเตือนตลอดเวลาว่าให้พาร่างกายไปเอน แล้วนอนดู youtube ดีกว่า
แต่ฝืนร่างกาย ต้องการสร้างวินัยในตัวนี้ ผลที่ตามมาคือพิมพ์ผิด พิมพ์ถูกตลอดเวลา เหมือนคนเมา เดินไปหน้าที ถอยหลังที แต่ ตั้งมั่นในนิ้วมือที่พิมพ์ เลยพอพิมพ์ไปได้แต่ลดความเร็วในการพิมพ์ลง
วันนี้ ตามหัวเรื่องเลย อากาศพอดี ไม่เย็นแล้ว หลังจากที่เย็นบ้าง ร้อนบ้าง แต่เย็นส่วนมาก วันนี้ ปกติ
แต่ยังคิดในใจ แต่พูดออกไปบ้างกับคนที่บ้านว่า ปีนี้ ทำท่าไม่ค่อยดี หน้าจะเหมือนปีที่แล้ว ตอนนี้ เริ่มเข้ากลางเดือนมกราคม แต่ฝนยังคงมาปกติ ทั้งที่หากเข้าเดือนมกราคม พอความเย็นหายไป จะเริ่มแดด แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มร้อนแบบแห้ง ไม่ได้ร้อนชื้นเข้ามาแทน
ฝนจะมาอีกทีหลังเดือนพฤษภาคม แต่ ตอนนี้ เริ่มมาอีกแล้ว
รู้สึกว่าหลังจากที่เปลี่ยนไปใช้เวลาช่วงเช้าแล้วมาพิมพ์ช่วงหัวค่ำอีกทีความคิดไม่ค่อยจะลื่นไหล น่าจะเกิดจากสภาพร่างกาย ที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน
มันเป็นบทสรุปได้อีกอย่างว่า คนเราจะมีพลังมากที่สุดในการใช้ความคิดคือช่วงเช้า สมองจะโปร่งคิดอะไรต่างๆๆ ได้ดีกว่า ช่วงบ่าย
ช่วงบ่าย น่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับงานการใช้กำลังไม่ใช่งานใช้สมองมากกว่า
กำลังนั่งคิดว่าจะเขียนอะไรดีต่อ สมองไม่ค่อยลื่น ทั้งที่มีช่วงจังหวะตอนเช้าอ่านหนังสือมามาก เหมือนกัน นั่งคิดตอนนั้นว่าจะรีวิวหนังสือตอนบ่าย หรือหัวค่ำ ตอนเขียน Blog แต่ ตอนนี้ นึกอะไรไม่ออกเลย แต่พอจำได้ลางๆๆ ว่าประโยคโดยใจที่อ่านวันนี้คือ เรื่องเกี่ยวกับการหาเสียงในตัวเองให้พบ เมื่อพบเสียงในตัวเองแล้วให้ช่วยคนอื่นต่อในการค้นหาตัวตนของเขา
จำได้แค่นั้นแหละเลยขยายใจความไม่ได้ มันเป็นหนังสือที่ค่อยข้างจะอ่านยากนิด ไม่รู้เป็นเพราะการแปล หรือเพราะเราคิดว่า นั้นคือแนวทางของศาสนาพุทธ พอเขาเอามาเขียนบางตัวมันขัดแย้งกับความรู้สึกนิด กับอีกอย่างเขาเขียนในเชิงโลกตะวันตก และเกี่ยวกับการทำงานในบริษัท บางเรื่องเอามาใช้ในชีวิตจริงไม่ได้
แต่ ดูการแปลแล้วมีการแปลไปหลายภาษามาก และเป็นหนังสือที่น่าจะดังมาก แต่มันเป็นหนังสือที่เก่าแล้ว
กำลังคิดว่า น่าจะหยุดเขียนแล้วไปนอนฟังหนังสือเสียงเพื่อเพิ่มแนวคิดให้กับตัวเอง แต่บางทีฟังมากอ่านมาก แนวคิด หรือนำแนะนำมันขัดแย้งกันเองก็มี
สรุปว่า วันนี้ เลยไม่ได้ตกผลึกความคิดเท่าไร
ก็ไม่ได้ซีเรียลอะไร เพราะหนังสือมันแค่บอกแนวทาง บอกในภาพกว้าง ไม่ได้ชี้จุดว่า ต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ ส่วนมากแนะนำเรื่องการสร้างเป้าหมายแล้วเดินไปตามเป้าหมาย คล้ายกันเกือบทุกเล่ม มีบางเรื่องหรือบางเล่มที่แหวกแนวไปบ้าง แต่มันก็แค่เปลี่ยนแค่คำพูด
ดังนี้มันจึงยาก นิดในบางครั้งที่จะทำความเข้าใจ
แต่ เจอเล่มหนึ่งที่หน้าสนใจ อ่านเจอ เขาบอกว่าให้หาจุดแข็งให้เจอ แล้วพัฒนาจุดแข็งนั้นแหละให้เก่ง ดีกว่า เก่งหลายเรื่องแต่หาตัวเองไม่พบ ยกตัวอย่างเช่นมีคน คนหนึ่งถนัดได้หนึ่ง แต่ต้องทำหลายเรื่องพร้อมกันเพื่อเอามาประกอบกับงานที่ถนัด สุดท้าย งานที่เขาถนัดได้ทำน้อยมาก จนกลายเป็นเรื่องทำให้คุณภาพของการทำงานของเขาด้อยลงไปทันที
เอาเป็นว่า คืนนี้ พอแค่นี้ก่อน ค่อยว่ากันอีกทีตอนเช้า
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร