หญ้าคา กับต้นกลัวย
หญ้าคา กับต้นกลัวย คล้ายกัน ในบางสิ่งแต่แตกต่างในบางสิ่ง
มันแปลกมากๆๆ ปีนี้ หญ้าคาในสวนเริ่มจะมีมากขึ้นกว่าปกติ ลองศึกษาเรื่องหญ้าคา กับประสบการณ์ที่พบกับตัวเอง พบว่า หญ้าคาจะโตได้ดีเมื่อมีแสงแดดส่องถึง ส่วนหญ้าคาจะมีมามากช่วงต้นยางยังเล็ก พอต้นยางใหญ่ หญ้าคามักจะตายไม่เหลือ แต่ปีนี้แปลก หญ้าคาในสวนมีมากว่าปกติ หญ้าคาเนี่ยะ ยิ่งตัดยิ่งขึ้น ลองไปดูในสวนใกล้เคียงกันก็มีมากเหมือนกัน ดูเหมือนจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ
หรือว่ามีแสงมาก หญ้าคาเลยเติบโตได้ดี หากแสงมากมันเกิดจากอะไร เกิดจากต้นยางมีปัญหาเลยมีพุ่มน้อย แต่ฝนก็ตกทั้งปี ไม่น่าจะมีปัญหากับต้นยาง หรือว่าฝนตกมากเกินไป ต้นยางเลยไม่ครบวงจรของมันที่จะต้องเจอกับฤดูแล้งบ้าง ปกติเดือนเมษาจะผลัดใบเพราะแล้ง แต่ปีนี้ ไม่แล้งเลย ก็ได้แต่สงสัย น่าต้องไล่ดูสาเหตุของมัน
เดินสำรวจเกี่ยวกับหญ้าคาว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ปกติเขาใช้ยาฉีด แต่ไม่ค่อยอยากใช้สารเคมีในสวน มันตกค้างบนพื้น บางทีรู้สึกได้ว่าดินมันแข็ง ใส้เดือนที่อยู่ใต้ดินตายหมด แมลงต่างๆๆ ที่เป็นวงจรชีวิตก็ตายหมด เคยบอกลูกน้องว่า ให้หาวิธีแก้ปัญหา ไม่จำเป็นอย่าฉีดยาฆ่าหญ้า
เดินสำรวจ พื้นที่ปลูกไม้ป่า เจอต้นกล้วยที่ตัดวันก่อน งอกใหม่มาอีกแล้ว คล้ายหรือเหมือนกับหญ้าคาเลย ยิ่งตัดยิ่งขึ้น แต่ประโยชน์มันแตกต่างกัน หญ้าคามันขึ้นเองไม่ต้องปลูก คิดเหมือนกันว่าทำไม ธรรมชาติให้หญ้าคามา มันมีประโยชน์ตรงไหนบ้าง
แต่กล้วยยิ่งขึ้นยิ่งดี มีประโยชน์มาก ตั้งแต่ปลูกมาไม่เคยได้เก็บผลของมันเลย มีคนมาช่วยเก็บให้ตลอด เพราะสวนอยู่ใกลบ้าน ส่วนมากที่รำคาราญอย่างเดียว คนที่มาช่วยตัดเครือของกล้วยมักจะทำไม่เรียบร้อย โค่นลำต้นเสร็จก็ทิ้งไว้เต็มไปหมด น่าจะรีบเลยไม่ได้จัดเก็บต้นกล้วยที่ตัดให้เรียบร้อย
วันก่อน เลยตัดสินใจตัดต้นกล้วยทิ้ง ไม่ใช่เพราะห่วงของ แต่ต้องตัดกล้วยเพราะต้นใหญ่มาแล้ว เงาของมันไปบังต้นไม้ บางต้นไม่โตเสียแล้ว เงาต้นกล้วยบังหมด
ครั้งแรกที่ปลูกกล้วย เพียงเพื่อต้องการประโยชน์ของมัน ต้นไม้ยังเล็ก หากมีต้นกลัวย อยู่ใกล้ต้นไม้ ช่วงหน้าแล้ง จะช่วยได้มาก ด้านความชุ่มชื่น หากปลูกกลัวยดินจะไม่ค่อยแห้ง กล้วยมันจะช่วยอุ้มน้ำไว้
แต่ตอนนี้ มันหมดประโยชน์แล้ว เลยตัดทิ้ง มันเป็นเรื่องปกติ หากเปรียบกับคน บางทีก็คล้ายกัน บางคนอาจจะเจอ หรือเห็นมาแล้ว เหมือนสำนวน เสร็จนา ฆ่าโคถึก
นั่งวางแผนในการทำงาน อากาศกำลังดี สบาย ลมพัดเย็นสบาย ลมพัดมาก ยุงก็เลยไม่ค่อยมี ปกติหากลมไม่พัด แล้วอากาศร้อน เตรียมตัวหายากันยุงได้เลย เยอะมาก
วันนี้ ออกจากบ้าน 9 โมงเช้า หลังจาก ทำเหมือนทุกวัน แต่ละเวลาหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์นิดหนึ่ง ปกติออกจากหน้าคอมพิวเตอร์ เวลา 11 โมงเช้า แต่วันนี้ ออกจากหน้าจอก่อนเวลา แต่ได้เพิ่มเวลาให้แล้ว ปกติตื่น 6 โมงเช้า วันนี้ ตื่น 5.30 น.
ขับรถมาสวนตอนเช้า รู้สึกเส้นทางมาสวนสงบเงียบ
วันนี้เงียบ
สงสัย ตอนเดินทางมาสวน ปกติรถสวนทางก็มีน้อยมาก แต่วันนี้ ไม่มีรถสวนเลย มีแต่รถแซง บ้านเรือนข้างทางก็เงียบ คนไปไหน ไม่ค่อยได้เจอคนได้ทักทายเหมือนทุกวัน สงสัยคนเดียวมาตลอดทาง แต่ไม่รู้จะถามใคร
จนมาถึงสวน นั่งวางแผนว่าจะทำอะไรก่อน ตามแผนเดิมแล้ว คือขุดต้นกลัวย เอาไปปลูกในสวนเล็ก เสียดายหากปล่อยให้มันตาย หากปล่อยทิ้งไว้จะโตอีก ต้องตามตัดอีก ตัดแล้วต้นกล้วยใบกล้วยก็ไม่รู้จะเอาไปไหน นอกจาก กองสุมใต้ต้นไม้ กองมากๆๆ อีกก็ไม่ได้กลัวงู
เคยดูคำแนะผ่าน youtube เขาบอกว่าให้สุ่มโคนด้วยใบกล้วยนี้แหละฆ่าหญ้าคาได้ดีที่สุด โดยการเอามาวางปิดโคนต้นไม่ ถัดจากนั้นก็ตัดหญ้าคานั้นแหละมาวางบนใบกล้วยที่วางใต้โคนต้นไม้อีกที ไม่เคยทดลองแต่น่าจะจริง แค่วางใบกล้วยไว้เฉยๆๆ หญ้าใต้ใบกล้วยที่วางไว้ก็ตายหมด บางทีที่มีหญ้าคาก็ตายหมด แต่ใน youtube มันคือต้นไม้ไม่กี่ต้น แต่ในสวนยางมันยาก
ลงมือปฎิบัติภารกิจ พอเริ่มลงมือทำเริ่มเบื่อนิด ๆ รู้สึกเพลีย น่าจะเกิดจากหลายวันแล้วที่งานจุกจิกมาก จนไม่ได้พัก แต่คิดในแง่หนึ่ง มันเป็นเรื่องปกติ เครื่องยังไม่ร้อน เลยอุ่นเครื่องด้วยงานเล็กก่อน เหงื่อเริ่มออก เริ่มเพลินกับการทำงานที่ชอบ
มานึกดูอีกที ก็ไม่น่าเชื่อ จากชีวิตที่ตระเวณออกทำงาน บางทียืนบนเวทีบรรยาย แต่มาตอนนี้ มาขุดดิน ปลูกต้นไม้ แต่งตัวก็เสื้อผ้าเก่าๆๆ แต่มันมีความสุข ได้อยู่กับตัวเอง ได้ออกกำลังกาย รู้สึกสุขภาพดี กลางคืนนอนกลับดี เวลาผ่านไปเร็วมาก แล้วมาคิดดูกับตนเองว่า
ชีวิตเราเหมือนกับการวิ่งหรือทำอะไรที่เคลือนไหวตลอดเวลา เหมือนกับวิ่งมาราธอน มันเหนื่อยล้า แต่เป้าหมายยังไม่ถึง เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงเป้าหมาย พอถึงเป้าหมายแล้วมันเหนื่อยมาก ส่วนมากมักจะพักอย่างหมดแรง
เช่นกัน ตอนนี้ เหมือนกับว่าทุกสิ่งมันถึงเป้าหมาย เส้นชัยที่เราต้องการ เลยหยุดและพัก แต่ก็ไม่รู้แค่นั้นแห่งว่าชนะหรือแพ้ เอาเป็นเราได้พัก เตรียมร่างกาย เพื่อเป้าหมายใหม่ หรือรอเขาจัดการแข่งขันใหม่ หากเรามีแรงหรือต้องการก็อาจจะสมัครลงวิ่งใหม่ หากไม่ต้องการก็พักต่อ
มันเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง ได้ทบทวนว่าที่ผ่านมา เราทำอะไรพลาดไปบ้าง แล้วได้อะไรมาบ้าง แล้วจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร เพื่อสร้างเป้าหมายใหม่ เนื่องจากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ที่ผ่านมากำลังวังชามันมีมาก สภาพแวดล้อมมันเหมาะสมกับงานทั่วไปได้ แต่… ตอนนี้ รู้สึกว่า สภาพแวดล้อมมันเริ่มแตกต่างแล้ว ตั้งแต่ สมอง ร่างกาย ความคิด สุขภาพ
คิดว่า น่าจะหยุด เพื่อพักและคิด แต่ทำงานในส่วนที่มันสามารถทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ ให้กาลเวลามันสร้างคุณค่าให้กับตัวมัน เช่นการปลูกต้นไม้ป่า ไม้ที่คุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ไม้ที่มีคุณค่าเมื่อผ่านไป 20 ปี ไม้ที่มีคุณค่า เมื่อผ่านไป 30 ปี
ปีนี้ ทำกิจกรรมพวกนั้นให้เสร็จ หลังจากนี้ ธรรมชาติ ก็ทำหน้าที่ของวันเอง ไม่ต้องปุ๋ย ไม่ต้องสนใจ แค่อย่าให้มันรก เพราะมันเป็นอันตรายหากรกมาก มันเป็นที่อาศัยของสัตว์ที่เราไม่ต้องการได้
ทำงานไป ได้สักพัก หิวน้ำ เดินมาที่รถ ปรากฏว่า น้ำหมด น่าจะต้องออกไปซื้อน้ำ แต่กำลังติดพันเลยทำต่อจนทนไม่ไหว ขึ้นรถออกไปซื้อน้ำที่ร้านค้า ไม่ไกล ประมาณ 500 เมตร ระหว่างทางผ่าน องค์การบริหารส่วนตำบล พบว่า มีกิจกรรมเกี่ยวกับกิฬา มีคนมากหลากหลาย หายสงสัยเลยว่า ทำไม เดินทางมาสวนถึงเงียบ บ้านคนก็เงียบ ทุกคนมาร่วมกิจกรรมกันที่ อบต.นี่เอง
ทันใดนั้น รู้ว่า ตัวเองแปลกแยกจากคนอื่นทันที
ทำไมรู้สึกแปลกแยก
ซื้อน้ำมา 1 ขวด กับสิ่งของเล็กๆๆ น้อยๆๆ กลับมาสวน มานั่งกินน้ำพัก แล้วดูรถที่วิ่งบนถนนหน้าสวน คิดในใจว่า เราทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า ทำไม ไม่เข้าร่วมสังสรรค์กับเขาบ้าง
เดินทางมาสวน สังเกตุบ่อย พบว่าขณะขับรถ ดูข้างทางชาวบ้านเขาอยู่กันสบายๆๆ บางคนนั่งก้มหน้าดูแต่มือถือ บางบ้านรวมกลุ่มกันกินเหล้า (ตอนเช้า) บางคนนั่งร้านขายขนมจีนแล้วพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ดูเขามีความสุข แต่พอมีงานกิจกรรมด้านอื่นอย่างวันนี้ที่ อบต.มีคนเต็มไปหมด ดูเขาสนุกสนาน
หันกลับมามองตัวใกล้เที่ยงแล้ว ยังเดินในสวนทำโน่นทำนี่ เหมือนกับว่างานมีมากเกินไป ทั้งที่งานทุกอย่าง ตอนนี้ ไม่มีใครบังคับให้ทำ แต่ทำด้วยความสมัครใจของตัวเอง ได้แต่สงสัยตัวเอง หรือว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราถูกปลูกฝังให้ทำแบบนี้ มาตลอด ถ้างานไม่เสร็จไม่เลิก จนบางทีละเลยสังคมไป
น่าจะเป็นเพราะอาชีพเขากรีดยาง กลางคืนเขากรีดยางเสร็จ ตอนเช้า กลางวันเลยพักผ่อน คนอดนอน ถ้าทำอย่างอื่นต่อร่างกายน่าจะรับไม่ได้
ลุกขึ้นไปจัดการต้นกล้วยที่ยังเหลือต่อ
รู้สึกเริ่มหิว เดินมาที่รถดูเวลาที่หน้าปัดวิทยุรถ ไม่กล้าดูเวลาที่มือถือ มือสกปรก พอมาจับมือถือแล้วเปิดดูเวลา โคลนจะไปติดตรงปุ่มทำให้มีถือมีปัญหา แต่กว่าจะรู้ปัญหา มือถือก็พังไป 1 เครื่อง
ดูเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ฝนก็มืดมาแต่ใกล คิดในใจว่า อะไรกันหนักหนากับฝนนี้ ขนาดเที่ยงเริ่มมีเค้าจะตกอีกแล้ว เริ่มขนหน่อกล้วยขึ้นรถ เตรียมออกเดินทางกลับบ้าน วันนี้รีบกลับบ้าน เลยไม่กลับเส้นทางเดิมตอนขามา แต่จะออกถนนใหญ่แทน เป็นถนนสายเอเซีย ห่างจากสวนประมาณ 1 กม. เหตุผลเพื่อประหยัดน้ำมันกับรีบก่อนฝนจะตก
ปกติจะชอบขับถนนสายใน เป็นเส้นทางลูกรังบ้าง คอนกรีดบ้าง โรยหินบ้าง ชอบบรรยาศขณะขับรถกลับบ้าน บรรยากาศแบบชนบท เจอคนก็ทักทายพูดคุย มันดูเป็นกันเองดี ไม่เหมือนสังคมเมือง แม้บ้านใกล้กันก็เหมือนคนแปลกหน้า แต่ถ้าพูดคุยกันและซักถามกัน คนที่อยู่ในเมือง ก็คนที่อยู่นอกเมืองแต่มาทำงานในเมืองทั้งนั้น มันก็แปลก อยู่บ้านนอกทักทายกันดี แต่พอมาสร้างบ้านในเมือง อยู่กันเหมือนคนแปลกหน้า
แต่หากออกถนนสายเอเซีย ไม่ต้องทำอะไร ขึ้นถนนแล้วขับยาวเลยไม่ต้องดูอะไร ข้างทางหรือทำกิจกรรมอย่างอื่น ดูแต่ถนนอย่างเดียว
คล้ายๆๆ กับชีวิตคนนั้นแหละ
หากให้ใช้ชีวิต แบบง่ายๆๆ เจออะไรดีๆ มากกว่าจะถึงเป้าหมายที่เราต้องการไป เหมือนกับขับรถกลับบ้านเส้นทางภายในนั้นแหละ ได้เจอคนโน้นคนนี่ ดูธรรมชาติข้างทาง เป้าหมายคือบ้าน แต่ไม่ได้มองที่เป้าหมายอย่างเดียว ขณะเดินทางก็หาความสุขให้กับตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างสบาย ชมนก ชมไม้
หากใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ เหมือนวันนี้ เพื่อประหยัดน้ำมันกับกลัวฝนตกก่อนถึงบ้าน เลยใช้เส้นทางสายเอเซีย ไม่ต้องมองมันแหละข้างทาง มุ่งเป้าไปข้างหน้าอย่างเดียวคือ บ้าน
ถึงบ้านเหมือนเดิมกินข้าวเที่ยงที่บ้าน สองวันแล้วยังไม่ได้จ่ายอะไรเลย ยกเว้นน้ำขวดวันนี้ ที่ต้องจ่ายไป 10 กว่าบาท
หลังจากนั้น มานั่งที่ขนำ พักผ่อน วางแผนว่าจะเอาอย่างไรต่อ จะเข้าสวนเล็กเลย น่าจะไม่ได้ ส่วนเล็ก ต้นไม้ยังเล็ก ไม่มีร่มเงาของต้นไม้ หากเข้าไปตอนนี้ คงไม่ไหว
ด้วยความเคยชิน เดินขึ้นบนบ้านไปเอาคอมพิวเตอร์ Notebook อีกเครื่องเป็นเครื่องที่ใช้สำหรับทำงานสำคัญ อย่างเดียว คิดว่าจะลองฝึกการใช้งานวิธีการทำเป็นเว็บขายของออนไลน์ ปรากฏว่าไม่ยาก ไม่มีอะไร ซับซ้อน
แต่ปัญหาใหญ่คือ จะเอาสินค้าไหนมาลงขาย นั้นคือสิ่งที่เป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่เขียนในบทความก่อน ๆ มาแล้วว่า การทำพวกนี้มันไม่ยาก มีแฟล็ตฟอร์ม ของมันพร้อมแล้ว แค่ศึกษาวิธีสร้าง วิธีใช้ เมื่อเข้าใจแล้วมันไม่ยาก
แต่มันจะยาก ตรงข้อมูลที่เราจะใช้ในการเอามาลงในพื้นที่หน้าเว็บที่เราสร้าง
เป็นอันว่าเข้าใจ หากว่าง จะลงขายต้นไม้ที่เพาะไว้แล้วเหลือจากปลูกมาลองทำขายดู คิดว่าจะแจก แต่หากแจกมันก็ไม่มีคุณค่า กลัวบางคนได้แล้วเอาไปทิ้ง กะว่าจะขายต้นละ 10 บาท ให้มันดูมีคุณค่าหน่อย
ส่วนจะทำเป็นอาชีพ คงไม่ทำ คิดว่า ไม่ไหว คงไม่ประสบความสำเร็จ ทำหลายอย่าง บางทีมันไม่ใช่ว่าดี เผลอมันบางทีหลายอย่างเกินไป มันไม่ได้ดีสักอย่าง
ด้วยความอยากรู้มากกว่า เลยทดลองดูว่า หากเราจะทำขายออนไลน์ผ่านเว็บ ทำได้ไหม ทำได้สบาย แนะนำ หากใครเข้าอ่าน Flatsome | Multi-Purpose Responsive WooCommerce Theme หากมีสินค้าหรือทีมงาน ตัวนี้สร้างการขายออนไลน์ได้สบาย
ต้องขอบใจน้องเขาที่ให้ ธีมตัวนี้มา ครั้งแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร พออ่านรายละเอียดก็ลองเล่นดู ปรากฏว่าดีมาก
นั่งเล่นฝึกเว็บไซต์ ธีม Flatsome จนแสงแดดสองเข้ามาที่ขนำ โดยปกติหากแสงแดดส่องเข้ามาในจุดที่แสงแดดสำผัส จุดใด จุดหนึ่ง แทบไม่ต้องมองนาฬิกา รู้ทันทีว่า ถึงเวลาเข้าสวนแล้ว มักจะเดินทางไปสวนเล็ก เพราะสวนนี้ กำลังเริ่ม
แต่ครั้งนี้ ช่วงนี้เชื่อไม่ค่อยได้ ตอนเช้า 5.30 น. ก็เริ่มสว่างแล้ว ปกติ 6 โมงเช้า ถึงจะสว่าง เวลากลางวันจะมากกว่ากลางคืน ปกติ 6 โมงเย็นมืด แต่ตอนนี้ 7 โมงเย็นถึงจะมืด
ดูเวลาผ่านมือถือ อากาศที่บ้านยังมีแสงแดดร้อน แต่หากไปสวนถึงสวน หากเป็นแบบนี้จะไม่ร้อนแล้ว เลยออกจากบ้านเร็ว กับคิดว่าวันนี้ น่าจะต้องใช้แรงมาก เลยแวะซื้อมาม่า รองท้องนิดหน่อย ตอนนี้ เวลานี้ มาม่า ที่เคยเป็นของถูกไว้กินแทนข้าว กรณีที่สภาพเงินไม่ค่อยคล่อง ณ ตอนนี้ รู้สึกว่า จะเป็นอาหารที่ก่อนซื้อต้องเริ่มคิดแล้ว
ไปถึงสวน กำลังสบาย ลมพัด เรื่อยๆๆ เริ่มลงมือปลูก พยายามวางแผนไม่ให้ชิดต้นไม้ กลัวมีปัญหาเหมือนกับสวนใหญ่อีก
วันนี้ ไม่มีอะไรมาก เหมือนทุกวัน
เหนื่อย ส่งเข้าเว็บก่อน ค่อยกว่ากันต่อทอเช้า ใช้เวลาเขียนบทความ 1 ชม พอดี น่าต้องหยุดไปอ่านหนังสือก่อนนอนนิด
24 June 2565
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร