เริ่มปรับพฤติกรรม
เริ่มปรับพฤติกรรม
จากสภาพฝนตกหนักเป็นเวลาค่อนข้างจะยาวนาน ทำให้ชีวิต มันติดขัดตรงที่การดำเนินชีวิตปกติมันขาดหายไปบ้าง แม้ว่าไม่มากก็น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไปคือการออกกำลังกายตอนเช้าและตอนเย็น
จริงๆๆ จะออกกำลังกายในร่มก็ได้แต่ มันขาดแรงจูงใจ มันได้แต่เหงื่อ มันไม่ได้บรรยายกาศ ไม่ได้สำผัส กับสายลม แสงแดด ผู้คน และสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา
วันนี้ หลังจากฝน ได้หายไปจากท้องฟ้า หลายวันแล้ว สภาพพื้นที่เริ่มแห้ง เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ จะออกกำลังกายหลายวันแล้ว ในตอนเช้า แต่ยังหลอกสมองไม่ได้
สมอง มันจะชอบความสบาย ตอนเช้าอากาศดี สมองมักจะบอกว่าให้นั่งเล่น กินกาแฟ ไปพิมพ์คอมพิวเตอร์ สร้างเว็บไซต์ หรือไม่นั่งดู โซเชียล มันเป็นอะไรที่ชอบ หลังจากเราติดกับอยู่ตรงนั้นทุกวัน รู้สึกว่า สิ่งที่เปลี่ยนไปคือร่างกาย ทำอะไรนิดหน่อยมันเหนื่อย การเคลื่อนตัวต่างๆๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สะดวก
แต่ ถามว่า ชอบไหม ชอบ สบายดี เผลอ บางวันจิบกาแฟ วนอยู่อย่างนั้น เปิด youtube ดู เฟสบุค มี Ai ช่วยป้อนเนื้อหาที่เราชอบที่คล้ายให้ให้อ่่านตลอด บางที จะหยุดดูหยุดอ่าน แต่ มันลืมตัว นั่งดูไปเรื่อย
ใช่ สมองมันชอบ เพลินดี แต่ร่างกาย มันชักจะไม่ไหว
เมื่อวานเลยเอาใหม่ เอารองเท้าวิ่งมาซักทำความสะอาด เตรียมเสื้อผ้าชุดสำหรับวิ่งไปไว้ที่บ้านข้างหลัง นั้นหมายความว่าตื่นนอนไม่ต้องหาชุดสำหรับออกกำลังกาย
พร้อมเลยที่จะออกกำลังกายตอนเช้า แต่ ..สมองมันไม่ชอบอยู่ดี เลยบอกว่าสมองว่า แค่แต่งตัว แล้วออกไปเดินเล่นรับบรรยากาศเท่านั้น ไม่ได้วิ่งหรือทำให้ตัวเองเหนื่อยแต่อย่างใด
สมองเลยอนุญาต ออกเดิน พร้อมกับลองวิ่งบ้างประมาณ 2 กม. โดยบอกตัวเองเป็นระยะ เอาสักนิดพอ ครั้งละ 100 เมตร แล้วค่อยหยุด พอครบ บอกต่อไปอีกนิด จนได้ระยะทางประมาณ 2 กม. กลับบ้าน พอก่อนสำหรับวันแรกในรอบหลายวัน ทำมากไม่ได้เดี่ยวสมองมันจะต่อต้านว่า เหนื่อย แล้วจะขี้เกียจอีก ค่อยว่ากันอีกตอนเช้าวันพรุ่งนี้
หลังจากนั้น พอสภาพร่างกายเรื่มใช้ได้ แม้ว่าจะไม่่ได้เหงื่อมากเพราะอากาศมันเย็น แต่รู้สึกว่าร่างกายมันเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว ไหนๆๆ แล้ว ออกไปเที่ยวหาอะไรกินในเมืองดีกว่า
ว่าแล้วออกรถไปหาอะไรกินในเมือง
แต่ ใจจริงไม่ค่อยอยากไปหรอก แต่มนุษย์เรามันเป็นสัตว์สังคม แม้ว่าจะเคยชินกับการอยู่กับตนเองแล้ว แต่ มันต้องออกไปพบปะ ดูสภาพสังคมความเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ที่แน่ๆๆ ออกจากบ้านสิ่งแรกที่ต้องตามมาทุกครั้งคือการเสียค่าใช้จ่าย สรุปเป็นจริงอย่างว่า
เสร็จภารกิจ ส่วนตัวกลับบ้าน เริ่มวางแผนจัดการกับสารบบของชีวิต เริ่มทำในสิ่งที่เราคิดว่ามันต้องทำ นั้นคือการปรับสภาพสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ให้มันดูแล้ว สบายใจเมื่ออยู่ในบ้าน เพราะบ้าน คือสิ่งปลูกสร้าง ที่ไม่ว่าเราจะเหนื่อยขนาดไหน หากเราได้กลับบ้าน มันคือเป็นส่วนที่ชาร์ตร่างกาย จิตใจให้กับเรา
ถ้าปรับสภาพพื้นที่ให้มันหน้าอยู่ มันจะยิ่งทำให้เรา ชาร์ตตัวเองและจิตใจได้เร็วขึ้น
แต่ทำไม่มากค่อยๆๆ ทำไปเรื่อยๆๆ เดี่ยวสมองมันบอกว่าเหนื่อย แล้วจะพาลเบื่อไม่อยากทำเสียอีก
สกเซ็ก (ทำโน่นทำนี่) ไปเรื่อย ดูเวลาแล้วน่าจะเข้าสวยดีกว่า แต่ ..ไม่ได้เข้าหลายวันสมองบอกว่า อย่าเข้าไปเลย มันเหนื่อยและสภาพมันไม่น่าเข้า รก
นั่งคิดและเชื่อสมองว่า น่าจะไม่ไปดีกว่า แต่ร่างกายต้องการเหงื่อ ตอนเย็น กับต้องการบรรยากาศที่สงบ ลมพัดเย็นสบาย ร่มรื่น เลยบอกกับตัวเองและสมองว่า ไปดีกว่า แต่ไปไม่ทำอะไร แค่ไปปากส่วน แล้วนั่งมองดูก่อนกลับบ้าน
คิดได้เช่นนั้น เริ่มขนเครื่องมือขึ้นรถ
พอไปถึงเดินไป เดินมา น่าจะลองขุดสภาพถนนที่น้ำท่วมขังดีกว่า
ว่าแต่ปรับถนน ประมาณ 1 ชม จนร่างกายเริ่มล้า เป็นอันว่า หลอกสมองได้อีกครั้ง
กลับบ้าน นอนเล่น ว่าจะไม่เขียน Blog มันเหนื่อย แต่บอกกับตัวเองว่า แค่เปิดคอมพิวเตอร์แล้วพิมพ์สัก 2-3 บันทัดพอ
สรุป หลอกสมองได้อีกครั้ง หากลองอ่านแล้วจะเห็นว่าไมได้มีแค่ 2-3 บรรทัด ใช้เวลาพิมพ์ 37 นาที ได้แค่นี้ นับว่าใช้ได้ มีการพัฒนาตัวเองไปค่อนข้างจะมาก
แต่คิดว่า น่าพอแค่นี้ ก่อน ค่อยว่ากันอีกที เมื่อปรับสภาพร่างกายได้พร้อมมากกว่านี้ เพราะพิมพ์ได้นิดหน่อยมันมีอาการตื้อมาที่ท้อง ของแถมที่ได้มาในช่วงฝนตกหนักคือโรคกระเพาะ กินแล้วนอน ไม่ค่อยได้ออกำลังกาย เลยแถมมาให้อีกอย่างหนึ่ง
มันหลายเรื่องจริงๆ ชีวิตของคน..
editor's pick
latest video
news via inbox
ต้องการรับข้อมูลข่าวสาร